เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ทั้งอดีตเจ้าพ่อธุรกิจอาบอบนวด และพลเอกผู้เคยนำการรัฐประหาร ต่างลงสมัครเป็นหนึ่งในตัวเลือก ขอคะแนนจากผู้มีสิทธิมีเสียงชาวไทย มิหนำซ้ำทั้งควาย ทั้งแพนด้า ล้วนได้ขึ้นป้ายรณรงค์ ขณะที่การเลือกตั้งกำลังใกล้เข้ามาทุกทีๆ
ในบรรดาป้ายหาเสียงภาพลักษณ์แสนน่าเบื่อของนักการเมืองไทยหน้าเดิมๆ กลับมีผู้สมัครจำนวนหนึ่งสร้างสีสันแปลกใหม่ให้กับวงการป้ายหาเสียงการเมืองไทย ทั้งป้ายผู้สมัครที่อุ้มแพนด้า ป้ายผู้สมัครที่ทำท่าทางโมโหโกรธา และป้ายรณรงค์ “โหวตโน” ที่เปรียบเทียบนักการเมืองกับน้องควาย
ทว่า สีสันทั้งหลายแหล่นี้ ก็พ่วงมาด้วยเสียงวิจารณ์หนาหู กรณีที่ผู้สมัครรายหนึ่งเคยเป็นถึงผู้รับผิดชอบการปฏิวัติรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลพรรคไทยรักไทย เมื่อ 5 ปีที่แล้ว อันนำมาซึ่งความขัดแย้งที่หยั่งรากลึกในสังคมไทย
ยิ่งไปกว่านั้น นักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกรัฐประหารในวันนั้น กำลังส่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวที่คลานตามกันมาลงชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีประเทศไทยในวันนี้
รศ.ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้นิยามการลงเล่นการเมืองของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน มุสลิมผู้หวังคะแนนเสียงจากคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไว้ว่าเป็น “เรื่องตลกสำหรับประชาธิปไตยไทย”
อีกหนึ่งผู้สมัครที่ถูกกล่าวถึงไม่แพ้กัน คือ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เศรษฐีผู้สร้างความร่ำรวยจากธุรกิจอาบอบนวด และโรงแรม มิหนำซ้ำยังยอมรับว่าเคยติดสินบนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาก่อนในอดีต เขามาพร้อมกับสโลแกนต่อต้านการทุจริต
เจ้าพ่อธุรกิจอาบอบนวดผู้นี้ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี ว่า “ผมเป็นคนวงใน ผมรู้วิธีจ่าย ผมรู้วิธีติดสินบน”
“คุณจะเห็นว่า การติดสินบนในไทยเป็นประเด็นและปัญหาที่หยั่งรากลึกกว่าที่ใครๆ คิด ... ทุกคนคิดเหมือนผม ทุกคนชอบความจริง แต่ไม่มีใครอยากพูดความจริง”
ชูวิทย์ ยังกล่าวพาดพิงถึงผู้สมัครคนอื่นๆ ว่า “ไดโนเสาร์” จากป้ายหาเสียงที่แต่งเครื่องแบบหรือใส่สูทตามธรรมเนียม ทั้งนี้ ป้ายหาเสียงของชูวิทย์ล้วนฉีกกรอบเดิมๆ ที่นักการเมืองปฏิบัติสืบต่อกันมา เช่น ภาพที่เขากำลังจับพวงมาลัยรถท่าทางดุดัน หรือ ป้ายที่เขากำลังกุมขมับ
นอกจากนี้ เอเอฟพี ได้กล่าวถึง โสภณ ดํานุ้ย อดีตผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ ผู้มาพร้อมกับกลยุทธ์แปลกใหม่ ด้วยการนำแพนด้ายักษ์ขึ้นป้ายหาเสียงคู่กับเขา จนมีเสียงถามไถ่ว่า จะให้เลือกใครระหว่างคนหัวล้าน กับหมีแพนด้า
ทั้งนี้ การเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม เป็นการประลองสรรพกำลังกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับ พรรคเพื่อไทย ของนายใหญ่ผู้หลบหนีคดีฉ้อราษฎร์บังหลวงไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน เอเอฟพี เสนอไว้ว่า ทั้งสองพรรคใหญ่นี้ต่างเป็นตัวแทนจากสองฝ่ายภายใต้ความแตกแยกในสังคมไทย จนนักวิเคราะห์การเมืองมองว่าผู้มีสิทธิมีเสียงอาจมองหาทางเลือกใหม่ๆ
อย่างไรก็ตาม เหนือป้ายรณรงค์หาเสียงของบรรดานักการเมืองทั้งหลาย ยังมีป้ายที่ต้องตาต้องใจผู้พบเห็นที่สุด นั่นคือ ป้ายรณรงค์โหวตโน หรือ ไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ผู้ใด ซึ่งเปรียบเทียบนักการเมืองกับสรรพสัตว์น้อยใหญ่ รวมทั้งควาย กรณีนี้ อ.ฐิตินันท์ ให้ความเห็นกับเอเอฟพีไว้ว่า เป็นการกระทำ “ก้าวร้าวมาก” สำหรับสังคมไทย
