xs
xsm
sm
md
lg

เผยบันทึกการจับกุม “สเตราส์-คาห์น” อ้างเอกสิทธิ์ทูตขณะถูกใส่กุญแจมือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดมินิก สเตราส์-คาห์น อดีตกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
เอเอฟพี - โดมินิก สเตราส์-คาห์น อดีตกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เคยอ้างเอกสิทธิ์คุ้มครองทางการทูต ขณะถูกจับกุมในข้อหาพยายามข่มขืนแม่บ้านโรงแรมโซฟิเทล บันทึกคำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจนิวยอร์กเปิดเผยออกมา วานนี้ (16)

คณะอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้ได้เผยแพร่สำเนาคำให้การชุดนี้ ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ไว้ว่า หลังจากตำรวจนิวยอร์กนำตัวโดมินิก สเตราส์-คาห์น ลงจากเครื่องบินของแอร์ฟรานซ์ภายในท่าอากาศยานเจเอฟเค เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ประโยคแรกๆ ที่เขาพูด คือ “ผมมีเอกสิทธิ์คุ้มครองทางการทูต”

คำให้การชุดนี้ได้รับการบันทึกข้อมูลในช่วงแรกๆ ที่เกิดเรื่องขึ้นโดยละเอียด ความฝันที่จะเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนถัดไปของสเตราส์-คาห์นดับลงจากเหตุการณ์ในวันนั้น

สำเนาคำให้การชิ้นแรกบันทึกบทสนทนาทางโทรศัพท์ เวลา 15.42 น. ไม่นานหลังจากสเตราส์-คาห์นได้ล่วงละเมิดทางเพศแม่บ้านโซฟิเทล โดยเป็นการสนทนาระหว่างอดีตบิ๊กบอสไอเอ็มเอฟกับพนักงานฝ่ายติดตามสิ่งของลูกค้าที่หายในโรงแรม สเตราส์-คาห์นแจ้งว่าเขาลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องพัก

หลังจากนั้นเวลา 16.03 น. สเตราส์-คาห์นโทรกลับมาที่โรงแรมอีกครั้ง เขาพูดว่า “ผมอยากคุยกับคนที่เอาโทรศัพท์มาคืนผม เมื่อไรเขาจะมาถึง? ผมอยู่ในเลานจ์ของแอร์ฟรานซ์ ช่วยโทรกลับเบอร์นี้ด้วย” ก่อนหน้านั้น ตำรวจได้รับแจ้งความเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว

เวลา 16.40 น. คาดว่าสเตราส์-คาห์นอยู่บนเครื่องบินแล้ว ทั้งๆ ที่ระบุทางโทรศัพท์ไว้ว่าจะรออยู่ที่ประตูขึ้นเครื่องบิน หมายเลข 4 เมื่อพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่เขาคิดว่าเป็นพนักงานโรมแรมโซฟิเทล เขาถามว่า “คุณเอาโทรศัพท์มาให้ผมไหม?”

ต่อมาสเตราส์-คาห์นจึงรู้ตัวว่ากำลังคุยอยู่กับตำรวจ เมื่อถูกขอให้ตามกลับไปแต่โดยดี เขาถามกลับว่า “ทำไมต้องไป?” เวลาประมาณ 17.00 น. ตำรวจนิวยอร์กสามารถควบคุมตัวสเตราส์-คาห์นได้ภายในท่าอากาศยานเจเอฟเค เขาถูกสั่งให้นำข้าวของทุกชิ้นวางไว้บนโต๊ะ

ระหว่างถูกใส่กุญแจมือ เขาถามว่า “จำเป็นด้วยหรือ?” เมื่อตำรวจนิวยอร์กย้ำว่าจำเป็น สเตราส์-คาห์นจึงอ้างว่า “ผมมีเอกสิทธิ์คุ้มครองทางการทูต … ไม่ใช่พาสปอร์ตเล่มนี้ ผมมีพาสปอร์ตอีกเล่มหนึ่ง” เขาพูด “ผมขอคุยกับคนที่สถานกงสุลฝรั่งเศสได้ไหม? นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

15 นาทีต่อมา สเตราส์-คาห์นถูกนำตัวไปยังหน่วยคุ้มครองผู้เสียหายพิเศษแมนฮัตตัน (Manhattan Special Victims Squad) เขาขอใช้โทรศัพท์ และบ่นเกี่ยวกับกุญแจมือที่ใส่อยู่เป็นครั้งที่ 3 ว่า “กุญแจมือมันแน่นมาก”

เวลาประมาณ 17.40 น. เขาถูกนำตัวมายังใจกลางนครนิวยอร์ก สเตราส์-คาห์นขอใช้โทรศัพท์ หลังจากนั้นเป็นเวลา 3 ชั่วโมงเขาจึงขอเข้าห้องน้ำและดื่มกาแฟ

“ผมต้องมีทนายใช่ไหม?” เขาถาม หลังจากนั้น สเตราส์-คาห์นกลับคำเรื่องสถานะทางการทูต เมื่อตำรวจถามว่าเขามีสถานะทางการทูตหรือไม่ “ไม่ ไม่ ไม่ ผมพยายามไม่ใช้มัน ผมแค่อยากรู้ว่าต้องใช้ทนายหรือไม่?”

เวลาประมาณ 22.55 น. เขาได้คุยกับทนายเป็นครั้งแรก ตำรวจถามว่าพร้อมจะให้การถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ สเตราส์-คาห์นตอบว่า “ทนายความบอกว่าผมไม่ควรพูด แต่ผมพร้อมจะพูด”

หลังจากปฏิเสธอาหารเป็นครั้งที่ 2 เมื่อเวลา 23.20 น. บันทึกคำให้การของเจ้าหน้าที่ก็บรรยายเหตุการณ์อีกครั้งเมื่อเวลา 9.00 น. ในเช้าวันใหม่ สเตราส์-คาห์นขอกินอาหารเช้าประเภทไข่ อีก 20 นาทีต่อมานั้น เขาขอกินแซนด์วิชอีกหนึ่งชิ้น และบันทึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คณะอัยการนำออกเผยแพร่ ก็จบลงตรงนี้

ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟแถลงหลังจากที่สเตราส์-คาห์นถูกจับกุมเพียงไม่กี่วัน ว่า คดีนี้ไม่สามารถใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองได้ เนื่องจากเขาเดินทางไปยังนครนิวยอร์กด้วยภารกิจส่วนตัว
กำลังโหลดความคิดเห็น