เอเจนซี - หน่วยสืบราชการลับปากีสถานจับกุมบุคคล 5 คน ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ของ อุซามะห์ บิน ลาดิน แก่สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ(ซีเอไอ) จนนำไปสู่การบุกสังหารผู้นำอัลกออิดะห์ถึงบ้านพักในเมืองอับบอตตาบัด เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานวันนี้(15)
ผู้ที่ถูกจับกุมรายหนึ่งเป็นถึงทหารยศพันตรีในกองทัพปากีสถาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่า ได้คัดลอกหมายเลขทะเบียนรถยนต์ที่เดินทางเข้าออกบ้านพักของ บิน ลาดิน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงอิสลามาบัดไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 30 ไมล์
นิวยอร์ก ไทม์ส อ้างรายงานจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครทราบชะตากรรมของสายสืบชาวปากีสถาน โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ลีออน เพเนตตา ผู้อำนวยการซีไอเอ ก็ได้หารือกับเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองปากีสถาน เกี่ยวกับการจับกุมสายสืบของซีไอเอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯบางคนมองว่า เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความไม่ลงรอยระหว่างสหรัฐฯกับปากีสถาน ในการต่อสู้กับกลุ่มก่อความไม่สงบ
สหรัฐฯปิดแผนลอบสังหาร บิน ลาดิน ไม่ไห้กรุงอิสลามาบัดล่วงรู้ จนกระทั่งหน่วยนาวิกโยธิน ซีลส์ ปลิดชีพผู้นำอัลกออิดะห์ได้สำเร็จเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม สร้างความอับอายแก่กองทัพปากีสถาน และบั่นทอนสายสัมพันธ์ด้านการทหารและข่าวกรองระหว่างทั้ง2 ประเทศ
นิวยอร์ก ไทม์ส เผยด้วยว่า ไมเคิล มอเรลล์ รองผู้อำนวยการซีไอเอ กล่าวสรุปรายงานแก่คณะกรรมาธิการข่าวกรองแห่งวุฒิสภา เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ปากีสถานให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯในการต่อสู้กลุ่มก่อการร้ายเพียง 3 จากระดับเต็ม 10
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่คนอื่นๆชี้แจงว่า ความเห็นของ มอเรลล์ ไม่ได้สะท้อนการประเมินภาพรวมจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดย มารี ฮาร์ฟ โฆษกซีไอเอ บอกว่า “เรามีสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็งกับปากีสถาน และร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด” ทว่าก็ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธรายงานของ นิวยอร์ก ไทม์ส