เอเอฟพี - บันคีมูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ประกาศตัวชิงเก้าอี้ผู้นำยูเอ็นสมัยที่ 2 อย่างเป็นทางการ วานนี้ (6) โดยนักการทูตยูเอ็นระบุว่าการสรรหาตัวผู้นำอาจเสร็จสิ้นโดยเร็วภายในเดือนนี้
อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้วัย 66 ปีผู้นี้ชี้ว่าการเผชิญหน้ากับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกยังคงเป็นเรื่องเร่งด่วนลำดับแรก เขาระบุระหว่างการแถลงข่าว ณ สำนักงานใหญ่ของยูเอ็น นครนิวยอร์ก ว่า ได้ส่งจดหมายถึงชาติสมาชิกยูเอ็นทั้ง 192 ประเทศเพื่อเสนอตัวเข้ารับตำแหน่งผู้นำอีกหนึ่งคำรบแล้ว
“การเป็นผู้นำองค์การอันยิ่งใหญ่แห่งนี้เป็นโอกาสพิเศษ หากผมได้รับการสนับสนุนจากชาติสมาชิก ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผมจะได้รับหน้าที่นี้อีกครั้ง” เขากล่าว
ทั้งนี้ บันคีมูนเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการยูเอ็นต่อจากโคฟี อันนัน เมื่อปี 2007 เหล่านักการทูตยูเอ็นระบุว่า ไม่มีผู้ท้าชิงตำแหน่งกับเขา คณะมนตรีความมั่นคงควรอนุมัติการเสนอตัวดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 โดยเร็ว หลังจากนั้นที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นจะลงมติอย่างเป็นทางการก่อนสิ้นเดือนมิถุนายน
ไม่นานหลังจากบันคีมูนประกาศเจตนารมณ์อย่างเป็นทางการ จีนและฝรั่ง สองชาติสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคง ได้ออกมาให้การสนับสนุนการเสนอตัวของเขาในทันที
บันคีมูนกล่าวถึงการดำรงตำแหน่งหัวเรือใหญ่ยูเอ็นในสมัยแรกว่า “เราสามารถภูมิใจในควาสำเร็จ เราได้ยกประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขึ้นเป็นวาระสำคัญระดับโลก เราตอบรับช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินเพื่อมนุษยธรรมอย่างรวดเร็วและประสบผล” ทั้งในพม่า เฮติ และปากีสถาน เขาอ้างถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ที่ผ่านมา
“เราได้ช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมาก และเพาะบ่มเมล็ดพันธุ์แห่งสันติภาพในซูดาน โซมาเลีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และโกตดิวัวร์ (ไอเวอรีโคสต์) เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ต้องได้รับการดูแล”
อย่างไรก็ตาม บันคีมูนก็มีประเด็นให้วิพากษ์วิจารณ์ โดยเสียงส่วนใหญ่มองว่าในฐานะผู้นำยูเอ็น เขาไม่เด็ดขาดพอที่จะต่อกรกับชาติสมาชิกถาวรแห่งคณะมนตรีความมั่นคง 5 ชาติ ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย สหรัฐฯ และจีนในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ประเด็นดังกล่าว เขาตอบคำถามว่า ประเด็นสิทธิมนุษยชนสากลจะไม่มีการเลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตาม พร้อมกันนั้นเขาย้ำว่าจีนยังจำเป็นต้องพัฒนาเรื่องนี้