เอเอฟพี/เอบีซีนิวส์ - นักเคลื่อนไหวเพื่อสัตว์ป่าออสเตรเลียให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุเอบีซีด้วยความเดือดดาลวันนี้ (3) กรณีการค้นพบซากโลมาพันธุ์หายาก 2 ตัวในพื้นที่ป่าชายเลนทางตอนเหนือของรัฐควีนแลนด์สถูกผูกติดกับต้นโกงกางและถ่วงน้ำด้วยคอนกรีต
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักท่องเที่ยวตกปลาคนหนึ่งพบซากโลมาหัวบาตรออสเตรเลีย (snubfin dolphin) สองตัวนี้ใกล้กับปากแม่น้ำทูไมล์ครีก พื้นที่ป่าชายเลนในเขตเกรตแบร์ริเออร์รีฟ สถานที่ท่องเที่ยวชมปะการังชื่อก้องโลกของแดนจิงโจ้
มิก บิชอป เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลเกรตแบร์ริเออร์รีฟ สันนิษฐานว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการทำประมงด้วยอวนลากที่ผิดกฎหมาย โลมาคู่นี้อาจเสียชีวิตจากเครื่องมือประมงของกลุ่มคนเหล่านั้นโดยบังเอิญ พวกเขาจึงพยายามซ่อนโลมาในป่าชายเลน
“การฆ่าและการปกปิดเรื่องโลมาสองตัวนี้เป็นสิ่งที่สมควรถูกประณามอย่างยิ่ง และเป็นพฤติกรรมที่ขัดแย้งกับความคาดหวังขององค์กรเราโดยสิ้นเชิง” ริชาร์ด เล็ค นักเคลื่อนไหวจากองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลก กล่าวกับสถานีวิทยุแห่งชาติออสเตรเลีย
เขาเสริมว่า ตั้งแต่มีการจำแนกโลมาชนิดดังกล่าวออกจากโลมาอิรวดีเมื่อปี 2005 ปัจจุบันพวกมันหมิ่นเหม่ต่อการสูญพันธุ์เต็มที โดยมีหลงเหลืออยู่เพียง 1,000 ตัวเท่านั้น
ทางการออสเตรเลียกำลังตรวจสอบร่องรอยบนซากของโลมาคู่นี้ ซึ่งสันนิษฐานว่าเข้าไปติดอวนลากที่ผิดกฎหมายของชาวประมงโดยบังเอิญ โดยปกติเจ้าของเรือประมงจำเป็นต้องรายงานเรื่องดังกล่าวต่อทางการ
ลีเดิย กิบสัน เจ้าหน้าที่ขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกอีกคนหนึ่ง อธิบายว่าสัตว์โลกชนิดนี้จะอยู่กันเป็นกลุ่มเล็กๆ และโดดเดี่ยว โดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสัตว์ป่าต้องการให้โลมาหัวบาตรออสเตรเลียได้รับการขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของชาติ
ทั้งนี้ การทำประมงด้วยอวนลากที่ผิดกฎหมายในออสเตรเลียมีโทษปรับไม่เกิน 330,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 10 ล้านบาท) หรือจำคุก 2 ปี