เอเอฟพี - เกาหลีเหนือ ประกาศวันนี้ (30) ว่า จะไม่ขอร่วมสังฆกรรมกับเกาหลีใต้อีกต่อไป พร้อมขู่จะแก้แค้นอย่างสาสมหากเกาหลีใต้ยังคิดทำ “สงครามจิตวิทยา” กับฝ่ายตน
แถลงการณ์จากคณะกรรมาธิการกลาโหมแห่งชาติเกาหลีเหนือ (เอ็นดีซี) ระบุว่า จะตัดช่องทางสื่อสารระหว่างกองทัพบริเวณชายฝั่งตะวันออก และจะปิดศูนย์ประสานงานซึ่งตั้งอยู่ในรีสอร์ตแห่งหนึ่งบนภูเขากุมกัง ซึ่งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ดูแลร่วมกันอยู่
แถลงการณ์ฉบับนี้มีขึ้นหลังจากที่ผู้นำ คิม จอง อิล ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเอ็นดีซี เดินทางกลับจากเยือนจีนเพียงไม่กี่วัน ซึ่งสื่อกรุงปักกิ่งรายงานว่า คิม ต้องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองเกาหลี
สำนักข่าว เคซีเอ็นเอ ของเกาหลีเหนือ เผยแพร่แถลงการณ์ของ เอ็นดีซี ว่า “กองทัพและประชาชนแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) จะไม่ร่วมสังฆกรรมกับทรราชย์ ลี เมียงบัค และพวกของเขา”
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี ลี เมียงบัค เคยกล่าวหาว่า กรุงเปียงยาง “ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีต้องพินาศย่อยยับ ชนิดที่ไม่อาจควบคุมได้” ซึ่ง เอ็นดีซี ก็ได้ตอบโต้ข้อกล่าวหานี้อย่างรุนแรง
เกาหลีเหนือยังขู่ด้วยว่า จะ “ตอบโต้โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า” หากมีการทำสงครามจิตวิทยาใดๆ เกิดขึ้น
กรุงเปียงยางเคยขู่จะยิงใส่สถานที่ซึ่งเกาหลีใต้ใช้ร่อนใบปลิวโจมตีระบอบคิม นอกจากนี้ ยังกดดันให้กรุงโซลอนุญาตให้นักท่องเที่ยวข้ามแดนมายังรีสอร์ตบนภูเขากุมกังอีกครั้ง หลังเกิดเหตุทหารเกาหลีเหนือสังหารแม่บ้านชาวเกาหลีใต้บนรีสอร์ตดังกล่าว เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2008 จนรัฐบาลเกาหลีใต้สั่งห้ามพลเมืองเดินทางไปท่องเที่ยวตั้งแต่นั้นมา
ยาง มู จิน อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือศึกษาในกรุงโซล ระบุว่า “เกาหลีเหนือต้องการบีบให้เกาหลีใต้อนุญาตการติดต่อข้ามแดนอีกครั้ง ทว่าพวกเขาก็ไม่มีลู่ทางมากนักที่จะประท้วงนโยบายตัดความสัมพันธ์ของกรุงโซล”
“แถลงการณ์ฉบับนี้ถือเป็นคำเตือนว่า เหตุพิพาทตามแนวชายแดนอาจทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันออก หากเกาหลีใต้ยังไม่ลดท่าทีแข็งกร้าวลง”
อย่างไรก็ตาม ยาง ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่น่าจะเกิดเหตุปะทะรุนแรงขึ้นในเร็ววันนี้
“การที่เกาหลีเหนือออกมาประกาศจุดยืนหลังจาก คิม จอง อิล กลับจากจีนแล้ว แสดงให้เห็นว่า คิม อาจได้รับคำยืนยันจากจีนว่า จะให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ และปกป้องระบอบของเขาเอาไว้”
