เอเอฟพี/ดิออสเตรเลียน - เครื่องโบอิง 747 สายการบินแควนตัสลงจอดฉุกเฉินในกรุงเทพฯ วันนี้ (20) หลังจากนักบินจำเป็นต้องดับเครื่องยนต์ตัวหนึ่งกลางอากาศ ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งเรื่องชวนปวดหัวของสายการบินแห่งชาติออสเตรเลียนี้ นอกเหนือจากรายการค่าใช้จ่ายที่ถีบตัวสูงขึ้น และคำขู่ผละงานประท้วงของลูกจ้างฝ่ายต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งนักบิน
เครื่องบินลำนี้บรรทุกผู้โดยสารจำนวน 308 คน กำลังมุ่งหน้าจากกรุงเทพฯ ไปยังกรุงลอนดอน ทว่าต้องเบนทิศทางกลับมายังกรุงเทพฯ อีกครั้งไม่นานหลังจากออกตัว เนื่องจากนักบินจำเป็นต้องปิดเครื่องยนต์ตัวหนึ่ง ในจำนวนทั้งหมด 4 ตัว หลังพบว่ามีการสั่นและอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ
“นักบินปิดเครื่องยนต์ตัวหนึ่ง และเบนหัวกลับมายังกรุงเทพฯ ป้องกันไว้ก่อน” โฆษกของสายการบินแควนตัสในนครซิดนีย์แถลง
“ตัวเครื่องสามารถบินได้อย่างปลอดภัยจากเครื่องยนต์ 3 ตัวที่เหลือ หลังจากนั้นไม่นานก็ลงจอดได้ตามปกติในกรุงเทพฯ ... เราเชื่อว่าสาเหตุคงคล้ายกับเหตุการณ์ที่สายการบินอื่นๆ เคยประสบ สาเหตุที่ทำให้มีการเพิ่มโปรแกรมตรวจสอบจากบริษัทโรลส์รอยซ์ ผู้ผลิตเครื่องยนต์”
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่สายการบินแควนตัสกำลังประสบปัญหาการผละงานประท้วงของลูกจ้างจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีกลุ่มนักบินรวมอยู่ด้วย ขณะเดียวกันสายการบินแห่งชาติออสเตรเลียกำลังดิ้นรนสู้กับปัญหาราคาน้ำมันแพง และธุรกิจระหว่างประเทศที่ไม่ประสบผลสำเร็จ
วันนี้ (20) กลุ่มนักบินแควนตัสออกมาเปิดเผยว่า ทางสายการบินกดดันให้พวกเขาลดการใช้น้ำมัน เพื่อช่วยประหยัดเงินของบริษัท โดยริชาร์ด วูดเวิร์ด รองประธานสมาคมนักบินออสเตรเลียและนานาชาติ ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุเอบีซี ว่า แควนตัสพิมพ์แผนผังแจกจ่ายนักบิน เพื่อชี้ให้เห็นถึงจำนวนน้ำมันที่ทางสายการบินต้องสั่งเข้ามา และจำนวนที่ทางบริษัทต้องแบกรับ
เมื่อวันอังคาร (17) เที่ยวบินจากสิงคโปร์ ปลายทางนครเมลเบิร์นของแควนตัส ต้องเปลี่ยนเส้นทางไปยังเมืองแอดิเลด รัฐเซาท์ออสเตรเลีย หลังนักบินพบว่า น้ำมันของเครื่องแอร์บัส เอ 380 ใกล้จะหมด ทั้งนี้มีการประเมินว่า เครื่องลำดังกล่าวกินน้ำมันมากกว่าปกติในสภาพอากาศที่เลวร้าย
