โพลเผยคนอิเหนายังปลื้มเผด็จการ 'ซูฮาร์โต' แม้โกงบ้านกินเมือง

เอเอฟพี - ผลสำรวจเผย ซูฮาร์โต อดีตผู้นำเผด็จการของอินโดนีเซีย ได้รับความนิยมจากชาวแดนอิเหนามากกว่าประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่าง ซูซิโล บัมบัง ยุทโธโยโน แม้รัฐบาลของเขาจะละเมิดสิทธิมนุษยชน และมีการทุจริตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวางก็ตาม

ผลสำรวจของศูนย์วิจัย อินโด บารอมิเตอร์ ซึ่งสอบถามจากประชาชน 1,200 คน พบว่า กว่าร้อยละ 40 ของผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่า สภาพความเป็นอยู่ในสมัยของ ซูฮาร์โต ดีกว่าปัจจุบัน ขณะที่ร้อยละ 23 พึงพอใจผลงานของอดีตนายพลหัวเสรีนิยมอย่าง ยุทโธโยโน มากกว่า

ซูฮาร์โต ซึ่งถึงแก่กรรมเมื่อปี 2008 ขณะอายุได้ 86 ปี ยังอยู่ในความทรงจำของชาวอินโดนีเซียจำนวนมาก ในฐานะผู้นำซึ่งทำให้เศรษฐกิจของชาติเติบโตและมีเสถียรภาพ แม้จะมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการทุจริตงบประมาณนับพันล้านดอลลาร์ก็ตาม

ประชาชนกว่า 1 ใน 3 เลือก ซูฮาร์โต เป็นประธานาธิบดีในดวงใจ ขณะที่ร้อยละ 40 มองว่า เขาเป็น “ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการปฎิบัติหน้าที่ประธานาธิบดีอินโดนีเซียมากที่สุด”

มีเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่พอใจ ยุทโธโยโน มากกว่า ซูฮาร์โต ส่วนอดีตประธานาธิบดีอีก 4 คน รวมถึงผู้นำคนแรกของอินโดนีเซียอย่าง ซูการ์โน ได้คะแนนนิยมคนละไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์

การสำรวจความคิดเห็นชาวอินโดนีเซียทั่วประเทศ ถูกจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 25 เมษายน ถึง 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยสอบถามจากชาวชนบทและคนในเมืองใหญ่ที่มีอายุ 17 ปีขึ้นไป

ผลสำรวจดังกล่าวพบว่า ชาวอิเหนาส่วนใหญ่พอใจสภาพการเมือง, เศรษฐกิจ, ความมั่นคง และสวัสดิการสังคม ในยุคของ ซูฮาร์โต ซึ่งปกครองอินโดนีเซียนานถึง 32 ปี ก่อนจะพ้นตำแหน่งในปี 1998 ทั้งยังพบด้วยว่า ประชาชนกว่าครึ่งหนึ่งไม่พอใจการปฏิรูปประเทศของ ยุทโธโยโน ซึ่งผลสำรวจคร้งนี้มีขอบเขตความผิดพลาด (margin of error) ไม่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์

“น่าแปลกที่ระบอบเผด็จการ ซูฮาร์โต ซึ่งครั้งหนึ่งประชาชนเคยขอให้เปลี่ยนแปลง กลับถูกคนสมัยนี้มองว่าดีกว่า” มูฮัมหมัด กอดารี หัวหน้าศูนย์วิจัย อินโด บารอมิเตอร์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์รายวัน จาการ์ตา โกลบ

“นี่ยังเป็นการทำลายความหวังของใครก็ตามที่หลงเชื่อว่า จุดเริ่มต้นของการปฏิรูปจะนำมาซึ่งสิ่งที่ดีกว่าอย่างเบ็ดเสร็จเสมอไป” เขากล่าว

ยุทโธโยโน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งถึง 2 ครั้ง หลังให้สัญญาว่าจะขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่เรื้อรังมานาน ทว่าการปฏิรูปของเขากลับไม่คืบหน้าเท่าที่ควร และต้องเผชิญอุปสรรคจากบรรดานักการเมืองและตำรวจ ซึ่งไม่เต็มใจจะเสียประโยชน์

พรรค เดโมแครติก ปาร์ตี ของ ยุทโธโยโน ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังจากได้คะแนนเสียงราว 20 เปอร์เซ็นต์ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2009