เอเอฟพี/เอเจนซี - พระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียม และ เคต มิดเดิลตัน จัดขึ้นที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เมื่อวันศุกร์(29) ขณะที่ฝูงชนกว่าล้านคนและผู้ชมหน้าจอทีวีทั่วโลกอีก 2,000 ล้านคน เฝ้าติดตามความสง่างดงามซึ่งระคนด้วยความขรึมขลังตามแบบราชประเพณีแต่เก่าก่อน และเวลาเดียวกันก็สะท้อนออกถึงความรู้สึกอย่างสมัยใหม่ โดยมีจุดโดดเด่นอยู่ตรงที่ รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ทรงจุมพิตพระชายาถึง 2 ครั้ง ตามการร้องขอของมหาชนที่มาเฝ้าชมพระบารมี ระหว่างเสด็จออก ณ ระเบียงมุขของพระราชวังบักกิงแฮม
ก่อนหน้าคู่สมรสทั้งสองจะผลัดกันกล่าวคำปฏิญาณตนว่าจะซื่อสัตย์มั่นคงกับการแต่งงาน เคต มิดเดิลตัน ผู้กลายเป็น “สามัญชน” คนแรกที่ได้สมรสกับเจ้าชายผู้อยู่ใกล้ชิดราชบัลลังก์อังกฤษอย่างที่สุดในรอบระยะเวลากว่า 350 ปีที่ผ่านมา กุมมือของ เจมส์ มิดเดิลตัน ผู้บิดา ก้าวเดินอย่างช้าๆ ผ่านผู้เข้าร่วมพระราชพิธีภายในมหาวิหารที่จำนวนประมาณ 1,900 คน เธอดูมีความมั่นใจและยิ้มแย้มในชุดแต่งงานที่เป็นผ้าซาตินปักลูกไม้สีงาช้างและทิ้งชายยาว พร้อมกับมีผ้าโปร่งคลุมศีรษะและใบหน้า
ขณะที่เคตมาถึงหน้าแท่นประกอบพิธี และยืนเคียงคู่เจ้าชายวิลเลียม ซึ่งทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารเต็มยศสีแดงสดพร้อมสายสะพายสีฟ้า เจ้าชายได้ทรงกระซิบตรัสกับเธอ ซึ่งดูเหมือนจะทรงตรัสว่า “เธอสวยมาก”
ทั้งสองต่างตอบรับอย่างเคร่งขรึม เมื่อ อาร์คบิชอป โรวัน วิลเลียมส์ แห่งแคนเทอร์เบอรี สอบถามว่าจะรับอีกฝ่ายเป็นคู่ครองหรือไม่ จากนั้นเจ้าชายวิลเลียมก็ทรงสวมพระธำมรงค์ที่ทำจากทองคำของแคว้นเวลส์ บนนิ้วนางของเคต แล้วอาร์คบิชอปก็ประกาศว่าทั้งสองเป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้ ในการกล่าวคำปฏิญาณของเคตนั้น ได้ละคำว่า “จะเชื่อฟัง” สามี ซึ่งก็เป็นการดำเนินรอยตามเจ้าหญิงไดอานา เมื่อตอนที่พระองค์อภิเษกสมรสกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ในปี 1981 ณ วิหารเซนต์พอล
ตามถนนสายต่างๆ ในกรุงลอนดอนที่เป็นเส้นทางซึ่งขบวนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเคลื่อนผ่าน มีฝูงชนออกมาเฝ้าชมกันอย่างเนืองแน่น และต่างเปล่งเสียงอวยชัยให้พร โดยตำรวจระบุว่าจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน นอกจากนั้นยังมีผู้ชมทางโทรทัศน์ที่มีถ่ายทอดสดออกไปทั่วโลก ทั้งนี้คาดกันว่าน่าจะมีจำนวนถึง 2,000 ล้านคนทีเดียว
ภายหลังเสร็จพิธีที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์แล้ว เจ้าชายวิลเลียมและพระชายา ได้ประทับบนรถม้าพระที่นั่งเปิดประทุน “สเตท แลนเดา 1902” เสด็จกลับพระราชวังบักกิงแฮม รถม้าพระที่นั่งองค์นี้เคยใช้เมื่อครั้งพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ กับเจ้าหญิงไดอานา พระบิดาและพระมารดาของเจ้าชายวิลเลียม
จากนั้นอีก 1 ชั่วโมงเศษๆ เจ้าชายวิลเลียมและพระชายา พร้อมสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 และพระบรมวงศานุวงศ์ ได้เสด็จออกมายังระเบียงมุขของพระราชวังบักกิงแฮม โดยที่ดูเหมือน เคตจะอุทานคำว่า “ว้าว” ออกมา เมื่อเห็นมหาชนจำนวนมากมายที่มาเข้าเฝ้า
ดูเหมือนเจ้าชายวิลเลียมจะทรงตรัสขอกับพระชายาว่า “เราจะจูบกันหรือยัง” ก่อนที่จะทรงโอบและจุมพิตเคตอย่างรวดเร็วจนแทบดูไม่ทัน มหาชนจึงส่งเสียงขอประทานให้ทรงจุมพิตอีกครั้งหนึ่ง และเจ้าชายกับพระชายาก็ทรงสนองตอบ โดยคราวนี้ทรงจุมพิตกันนานขึ้นกว่าครั้งแรกมาก
การที่เจ้าชายวิลเลียมและพระชายา ซึ่งบัดนี้ทรงได้รับการสถาปนาให้เป็น ดยุค และ ดัชเชส แห่ง เคมบริดจ์ อย่างเป็นทางการแล้ว ทรงจุมพิตกันที่ระเบียงมุขพระราชวังเช่นนี้ เป็นการสืบทอดสิ่งที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอานา ได้ทรงริเริ่มขึ้นในปี 1981
พระราชพิธีอันขรึมขลังสง่างามตามโบราณราชประเพณี ที่ระคนแฝงฝังไปด้วยความรู้สึกผูกพันอันแท้จริงคราวนี้ ดูจะทำให้สถาบันกษัตริย์ของอังกฤษได้โอกาสที่จะกระเตื้องเฟื่องฟูขึ้นมาอีกครั้ง ภายหลังที่พระบิดาและพระมารดาของเจ้าชายวิลเลียม ได้ทรงแยกทางกันท่ามกลางความรู้สึกเจ็บปวดของสาธารณชน นอกจากนั้นยังตามมาด้วยการที่เจ้าหญิงไดอานาสิ้นพระชนม์อย่างน่าเศร้าในอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงปารีสในปี 1997
การเสกสมรสคราวนี้เป็นการปิดฉากอันงดงามให้แก่ความรักโรมานซ์ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 8 ปีก่อน ตอนที่เจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ และเจ้าสาว “สามัญชน” ของพระองค์ ต่างกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูว์ ใน สกอตแลนด์
การขาดไร้เจ้าหญิงไดอานายังคงเป็นที่รู้สึกได้ ถึงแม้พระราชพิธีเสกสมรสวันศุกร์จะเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขสดชื่น โดยที่ดนตรีและเพลงสวดหลายๆ บทที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของพระองค์ ได้รับคัดเลือกให้มาเป็นบทเพลงสำคัญในการเสกสมรสของเจ้าชายผู้ทรงเป็นพระโอรสองค์ใหญ่ของพระองค์
ในบรรดาแขกผู้มีเกียรติ 1,900 คนที่เข้าร่วมในพระราชพิธีที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์คราวนี้ มีทั้งคนในตระกูลสเปนเซอร์ ที่เป็นตระกูลเดิมของเจ้าหญิงไดอานา และ เอลตัน จอห์น ศิลปินนักร้องนักดนตรีผู้แต่งและร้องเพลง “แคนเดิล อิน เดอะ วินด์” ในพิธีฝังพระศพเจ้าหญิงไดอานาเมื่อ 14 ปีก่อน
คนดังอื่นๆ ที่เป็นแขกในงานนี้ยังมีดังเช่น เดวิด เบคแฮม นักฟุตบอลชื่อดัง และ วิกเตอเรีย ภรรยาของเขาผู้เป็นอดีตนักร้องและปัจจุบันมาเอาดีทางแฟชั่นดีไซเนอร์, โรเวน แอตกินสัน นักแสดงตลกในบทบาทของ “มิสเตอร์บีน”, เอียน โธป นักว่ายน้ำเหรียญทองโอลิมปิกชาวออเสตรเลีย
ขณะที่สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งทรงเป็นพระอัยยิกา (ย่า) ของเจ้าชายวิลเลียม ก็ทรงนำพระบรมวงศานุวงศ์ของอังกฤษเข้าร่วมงาน นอกจากนั้นยังมีพระราชวงศ์ต่างประเทศอีกราว 40 องค์ และผู้มีตำแหน่งสูงในประะเทศต่างๆ อีกหลายสิบท่านเข้าร่วมในพระราชพิธีนี้ด้วย
ถึงแม้เจ้าชายวิลเลียมในปัจจุบันจะทรงรับราชการเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศอังกฤษ แต่ในคราวนี้ทรงฉลองพระองค์ชุดเต็มยศสีแดงสดของกรมทหารไอริชรักษาพระองค์ อันเป็นเครื่องแบบของหน่วยทหารที่ทรงดำรงพระยศสูงสุดอยู่ในปัจจุบัน
ทางด้านชุดแต่งงานของเคตนั้น ก่อนหน้านี้มีการปกปิดกันโดยถือเป็นความลับสุดยอด ไม่ว่าจะเป็นแบบชุดหรือกระทั่งดีไซเนอร์ผู้ออกแบบ แต่ในระหว่างพระราชพิธี เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังก็เปิดเผยอย่างเป็นทางการว่า ชุดนี้เป็นฝีมือของ ซาราห์ เบอร์ตัน แห่งห้องเสื้ออเล็กซานเดอร์ แมคควีน
ก่อนหน้าคู่สมรสทั้งสองจะผลัดกันกล่าวคำปฏิญาณตนว่าจะซื่อสัตย์มั่นคงกับการแต่งงาน เคต มิดเดิลตัน ผู้กลายเป็น “สามัญชน” คนแรกที่ได้สมรสกับเจ้าชายผู้อยู่ใกล้ชิดราชบัลลังก์อังกฤษอย่างที่สุดในรอบระยะเวลากว่า 350 ปีที่ผ่านมา กุมมือของ เจมส์ มิดเดิลตัน ผู้บิดา ก้าวเดินอย่างช้าๆ ผ่านผู้เข้าร่วมพระราชพิธีภายในมหาวิหารที่จำนวนประมาณ 1,900 คน เธอดูมีความมั่นใจและยิ้มแย้มในชุดแต่งงานที่เป็นผ้าซาตินปักลูกไม้สีงาช้างและทิ้งชายยาว พร้อมกับมีผ้าโปร่งคลุมศีรษะและใบหน้า
ขณะที่เคตมาถึงหน้าแท่นประกอบพิธี และยืนเคียงคู่เจ้าชายวิลเลียม ซึ่งทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารเต็มยศสีแดงสดพร้อมสายสะพายสีฟ้า เจ้าชายได้ทรงกระซิบตรัสกับเธอ ซึ่งดูเหมือนจะทรงตรัสว่า “เธอสวยมาก”
ทั้งสองต่างตอบรับอย่างเคร่งขรึม เมื่อ อาร์คบิชอป โรวัน วิลเลียมส์ แห่งแคนเทอร์เบอรี สอบถามว่าจะรับอีกฝ่ายเป็นคู่ครองหรือไม่ จากนั้นเจ้าชายวิลเลียมก็ทรงสวมพระธำมรงค์ที่ทำจากทองคำของแคว้นเวลส์ บนนิ้วนางของเคต แล้วอาร์คบิชอปก็ประกาศว่าทั้งสองเป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้ ในการกล่าวคำปฏิญาณของเคตนั้น ได้ละคำว่า “จะเชื่อฟัง” สามี ซึ่งก็เป็นการดำเนินรอยตามเจ้าหญิงไดอานา เมื่อตอนที่พระองค์อภิเษกสมรสกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ในปี 1981 ณ วิหารเซนต์พอล
ตามถนนสายต่างๆ ในกรุงลอนดอนที่เป็นเส้นทางซึ่งขบวนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเคลื่อนผ่าน มีฝูงชนออกมาเฝ้าชมกันอย่างเนืองแน่น และต่างเปล่งเสียงอวยชัยให้พร โดยตำรวจระบุว่าจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน นอกจากนั้นยังมีผู้ชมทางโทรทัศน์ที่มีถ่ายทอดสดออกไปทั่วโลก ทั้งนี้คาดกันว่าน่าจะมีจำนวนถึง 2,000 ล้านคนทีเดียว
ภายหลังเสร็จพิธีที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์แล้ว เจ้าชายวิลเลียมและพระชายา ได้ประทับบนรถม้าพระที่นั่งเปิดประทุน “สเตท แลนเดา 1902” เสด็จกลับพระราชวังบักกิงแฮม รถม้าพระที่นั่งองค์นี้เคยใช้เมื่อครั้งพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ กับเจ้าหญิงไดอานา พระบิดาและพระมารดาของเจ้าชายวิลเลียม
จากนั้นอีก 1 ชั่วโมงเศษๆ เจ้าชายวิลเลียมและพระชายา พร้อมสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 และพระบรมวงศานุวงศ์ ได้เสด็จออกมายังระเบียงมุขของพระราชวังบักกิงแฮม โดยที่ดูเหมือน เคตจะอุทานคำว่า “ว้าว” ออกมา เมื่อเห็นมหาชนจำนวนมากมายที่มาเข้าเฝ้า
ดูเหมือนเจ้าชายวิลเลียมจะทรงตรัสขอกับพระชายาว่า “เราจะจูบกันหรือยัง” ก่อนที่จะทรงโอบและจุมพิตเคตอย่างรวดเร็วจนแทบดูไม่ทัน มหาชนจึงส่งเสียงขอประทานให้ทรงจุมพิตอีกครั้งหนึ่ง และเจ้าชายกับพระชายาก็ทรงสนองตอบ โดยคราวนี้ทรงจุมพิตกันนานขึ้นกว่าครั้งแรกมาก
การที่เจ้าชายวิลเลียมและพระชายา ซึ่งบัดนี้ทรงได้รับการสถาปนาให้เป็น ดยุค และ ดัชเชส แห่ง เคมบริดจ์ อย่างเป็นทางการแล้ว ทรงจุมพิตกันที่ระเบียงมุขพระราชวังเช่นนี้ เป็นการสืบทอดสิ่งที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอานา ได้ทรงริเริ่มขึ้นในปี 1981
พระราชพิธีอันขรึมขลังสง่างามตามโบราณราชประเพณี ที่ระคนแฝงฝังไปด้วยความรู้สึกผูกพันอันแท้จริงคราวนี้ ดูจะทำให้สถาบันกษัตริย์ของอังกฤษได้โอกาสที่จะกระเตื้องเฟื่องฟูขึ้นมาอีกครั้ง ภายหลังที่พระบิดาและพระมารดาของเจ้าชายวิลเลียม ได้ทรงแยกทางกันท่ามกลางความรู้สึกเจ็บปวดของสาธารณชน นอกจากนั้นยังตามมาด้วยการที่เจ้าหญิงไดอานาสิ้นพระชนม์อย่างน่าเศร้าในอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงปารีสในปี 1997
การเสกสมรสคราวนี้เป็นการปิดฉากอันงดงามให้แก่ความรักโรมานซ์ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 8 ปีก่อน ตอนที่เจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ และเจ้าสาว “สามัญชน” ของพระองค์ ต่างกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูว์ ใน สกอตแลนด์
การขาดไร้เจ้าหญิงไดอานายังคงเป็นที่รู้สึกได้ ถึงแม้พระราชพิธีเสกสมรสวันศุกร์จะเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขสดชื่น โดยที่ดนตรีและเพลงสวดหลายๆ บทที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของพระองค์ ได้รับคัดเลือกให้มาเป็นบทเพลงสำคัญในการเสกสมรสของเจ้าชายผู้ทรงเป็นพระโอรสองค์ใหญ่ของพระองค์
ในบรรดาแขกผู้มีเกียรติ 1,900 คนที่เข้าร่วมในพระราชพิธีที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์คราวนี้ มีทั้งคนในตระกูลสเปนเซอร์ ที่เป็นตระกูลเดิมของเจ้าหญิงไดอานา และ เอลตัน จอห์น ศิลปินนักร้องนักดนตรีผู้แต่งและร้องเพลง “แคนเดิล อิน เดอะ วินด์” ในพิธีฝังพระศพเจ้าหญิงไดอานาเมื่อ 14 ปีก่อน
คนดังอื่นๆ ที่เป็นแขกในงานนี้ยังมีดังเช่น เดวิด เบคแฮม นักฟุตบอลชื่อดัง และ วิกเตอเรีย ภรรยาของเขาผู้เป็นอดีตนักร้องและปัจจุบันมาเอาดีทางแฟชั่นดีไซเนอร์, โรเวน แอตกินสัน นักแสดงตลกในบทบาทของ “มิสเตอร์บีน”, เอียน โธป นักว่ายน้ำเหรียญทองโอลิมปิกชาวออเสตรเลีย
ขณะที่สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งทรงเป็นพระอัยยิกา (ย่า) ของเจ้าชายวิลเลียม ก็ทรงนำพระบรมวงศานุวงศ์ของอังกฤษเข้าร่วมงาน นอกจากนั้นยังมีพระราชวงศ์ต่างประเทศอีกราว 40 องค์ และผู้มีตำแหน่งสูงในประะเทศต่างๆ อีกหลายสิบท่านเข้าร่วมในพระราชพิธีนี้ด้วย
ถึงแม้เจ้าชายวิลเลียมในปัจจุบันจะทรงรับราชการเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศอังกฤษ แต่ในคราวนี้ทรงฉลองพระองค์ชุดเต็มยศสีแดงสดของกรมทหารไอริชรักษาพระองค์ อันเป็นเครื่องแบบของหน่วยทหารที่ทรงดำรงพระยศสูงสุดอยู่ในปัจจุบัน
ทางด้านชุดแต่งงานของเคตนั้น ก่อนหน้านี้มีการปกปิดกันโดยถือเป็นความลับสุดยอด ไม่ว่าจะเป็นแบบชุดหรือกระทั่งดีไซเนอร์ผู้ออกแบบ แต่ในระหว่างพระราชพิธี เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังก็เปิดเผยอย่างเป็นทางการว่า ชุดนี้เป็นฝีมือของ ซาราห์ เบอร์ตัน แห่งห้องเสื้ออเล็กซานเดอร์ แมคควีน
