เอเอฟพี - ทางการฟิลิปปินส์ เปิดเผยวันนี้ (24) ว่า มีโอกาสน้อยมากที่จะพบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมจากเหตุดินถล่มในพื้นที่เหมืองทองคำอันห่างไกลทางตอนใต้ของประเทศ พร้อมทั้งระบุว่า อาจมีผู้เสียชีวิตมากถึง 22 คน จากภัยธรรมชาติครั้งนี้
สองวันหลังจากโคลนและซากปรักหักพังจำนวนมหาศาล ถล่มอุโมงค์เหมืองทองคำชั่วคราวหลายแห่งบริเวณเชิงเขา เจ้าหน้าที่สามารถกู้ศพผู้เคราะห์ร้ายขึ้นมาได้เพิ่มเติมอีก 4 ราย โดยมีรายชื่อผู้สูญหายอย่างเป็นทางการจำนวน 17 ราย ซึ่งคาดว่าน่าจะเสียชีวิตแล้วเช่นกัน
“จากการประเมินของเรา คงเป็นการยากที่จะพบผู้รอดชีวิตในวันที่สามของการค้นหา” เซลโซ ซาเรนาส นายกเทศมนตรีเมืองปันตูกันกล่าวระหว่างการแถลงข่าว พร้อมทั้งเสริมว่า “เราจะนำศพทั้งหมดขึ้นมา”
ทั้งนี้ เหตุดินถล่มทำลายหมู่บ้านคิงคิง พื้นที่ภูเขาอันห่างไกลบนเกาะมินดาเนา ก่อนรุ่งสางของวันศุกร์ (22) หลังจากฝนตกหนัก ดินจำนวนมากมายเหลือคณานับทับถมเหมืองทองคำผิดกฎหมาย รวมทั้งบ้าน ร้านค้า และโรงแปรรูปทองคำ
พ.ต.เจค โอบลีกาโด ผู้นำหน่วยทหารจำนวน 120 คน ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการกู้ภัย เปิดเผยกับเอเอฟพี ว่า โอกาสในการค้นพบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมเกือบเป็นไปไม่ได้
“เพราะซากปรักหักพัง และดินจำนวนมากแข็งตัวเมื่อผสมกับน้ำฝน การมีชีวิตรอดอยู่ใต้ดินอย่างนี้มันยากมาก” พ.ต.โอบลีกาโด กล่าว “ท่านนากยกเทศมนตรีได้ตัดสินใจแล้วว่า เราจะเปลี่ยนไปสู่ปฏิบัติค้นหาศพแทน” เขาทิ้งท้ายไว้ว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่พบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 4 รายวันนี้ ทำให้ยอดรวมอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 5 ราย
โดยสรุป มีผู้รอดชีวิต 13 คน และเจ้าหน้าที่ไม่พบใครเหลือรอดอยู่ใต้ดินที่ถล่มอีกเลยตั้งแต่วันศุกร์ ตำรวจ อาสาสมัคร รวมทั้งคนงานจากเหมืองใกล้ๆ ต่างมีส่วนร่วมในการค้นหาผู้เคราะห์ร้าย
ทั้งนี้ เหมืองผิดกฎหมายที่ไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพียงพอสามารถพบเห็นได้ทั่วไปบนเกาะมินดาเนา ซึ่งอุดมไปด้วยสินแร่ แต่ประชาชนยังอยู่ในฐานะยากจน โดยนายกเทศมนตรีเซลโซ ซาเรนาส ประเมินว่า มีประชาชนอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวประมาณ 20,000-30,000 คน
เมื่อเดือนที่แล้ว พื้นที่เดียวกันนี้เคยเกิดดินถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บอีก 5 คน ก่อนหน้านั้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2009 ก็เคยเกิดเหตุภัยธรรมชาติเช่นนี้ หลังจากฝนตกหนักในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากถึง 21 คน