เอเอฟพี/รอยเตอร์ - สิงคโปร์ประกาศยุบสภาแล้วเมื่อวานนี้(19) และกำหนดจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในวันที่ 7 พฤษภาคม ก่อนหน้าที่จะหมดวาระราว 8 เดือน โดยเป็นที่คาดหมายกันได้อยู่แล้วว่า พรรคพีเพิลส์ แอคชั่น ปาร์ตี้ (พีเอพี) ของนายกรัฐมนตรี ลีเซียงลุง จะสามารถกวาดที่นั่งได้เกือบทั้งสภาตามเคย ทว่าสัดส่วนจำนวนคะแนนที่ได้รับจากผู้ออกเสียงอาจจะลดน้อยลง
ในการเลือกตั้งทั่วไปคราวที่แล้วซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2006 พรรคพีเอพีมีชัยได้ที่นั่งในสภาไป 82 ที่นั่งจากที่มีทั้งสิ้น 84 ที่นั่ง ถึงแม้ยังคงได้ชัยชนะอย่างถล่มทลาย แต่สัดส่วนจำนวนคะแนนที่พรรคนี้ได้รับจากผู้ออกเสียงก็ได้ลดลงมาเหลือ 67% จากที่เคยได้มาถึง 75% ในการเลือกตั้งครั้งก่อนหน้านั้นในปี 2001
ทางด้านอดีตนายกรัฐมนตรีโก๊ะจกตง ซึ่งยังมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีอาวุโสในคณะรัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้แสดงความคิดเห็นที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์สเตรทส์ไทมส์ของสิงคโปร์ฉบับวานนี้(19)ยอมรับว่า การเลือกตั้งคราวนี้ “อาจจะไม่หวานชื่น” สำหรับพรรคพีเอพีก็เป็นได้ ท่าทีเช่นนี้ทำให้ผู้สังเกตการณ์อย่าง ซินาปัน ซามีโดไร ประธานองค์กรภาคประชาชนที่ใช้ชื่อว่า “ธิง เซนเตอร์” มองว่านี่แสดงให้เห็นว่าพรรครัฐบาลเตรียมตัวรับสภาพที่น่าจะได้คะแนนจากผู้ออกเสียงเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำลงไปอีก
รัฐบาลตัดสินใจยุบสภาจัดการเลือกตั้งใหม่คราวนี้ หลังจากเพิ่งออกมาแถลงเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ช่วงไตรมาสแรกปีนี้ เศรษฐกิจของประเทศมีอัตราเติบโต 8.5% หากเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเกินกว่าการคาดการณ์ของพวกนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ ทั้งนี้หลังจากที่ปีที่แล้ว สิงคโปร์มีอัตราการเติบโตสูงลิ่วถึง 14.5% สูงที่สุดในประเทศเอเชียด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม พวกนักวิเคราะห์ชี้ว่า ประชาชนสิงคโปร์มีความไม่สบายใจเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่กำลังขึ้นสูง โดยเฉพาะราคาอาหารและราคาอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งไม่พอใจที่มีการอนุญาตให้คนงานต่างชาติเข้าประเทศเป็นจำนวนมากมาย ขณะที่ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนก็ยิ่งเพิ่มขึ้น