เอเอฟพี - ซาอิฟ อัล-อิสลาม บุตรชายของพันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี ยืนยันเสียงแข็งระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ ซึ่งเผยแพร่วานนี้(17)ว่า “ไม่เคยทำร้ายประชาชน”
ในการสัมภาษณ์ราว 1 ชั่วโมงที่กรุงตริโปลี ซาอิฟ วัย 38 ปี กล่าวว่า หลักฐานที่นำมาอ้างว่าทหารลิเบียยิงใส่ผู้ประท้วงนั้นเป็นของปลอม เหมือนกับที่เคยมีข่าวว่า อิรักซุกซ่อนอาวุธทำลายล้างสูง ก่อนที่สหรัฐฯจะส่งทหารเข้าไปควบคุม
“มันก็เหมือนข่าวอาวุธทำลายล้างสูงนั่นแหละครับ 'อาวุธทำลายล้างสูง, อาวุธทำลายล้างสูง, อาวุธทำลายล้างสูง ต้องเข้าไปโจมตีอิรักนะ' ส่วนคราวนี้ก็ 'พลเรือน, พลเรือน, พลเรือน ต้องเข้าไปโจมตีลิเบียนะ' เหมือนกันเลยครับ” ซาอิฟ กล่าว
กองกำลังนาโตรับหน้าที่บังคับใช้เขตห้ามบินในลิเบีย ซึ่งองค์การสหประชาชาติกำหนดขึ้นเพื่อปกป้องพลเรือน ขณะที่ชาติพันธมิตรตะวันตกก็เรียกร้องให้ กัดดาฟี ยอมสละอำนาจการปกครองที่ยาวนานเกือบ 4 ทศวรรษ
ซาอิฟ กล่าวเป็นภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วว่า ตนได้เชิญนักปฏิรูปหลายคนเข้ามาทำงานในรัฐบาล แต่คนเหล่านั้นกลับแปรพักตร์ไปเข้ากับฝ่ายกบฎ และกลายเป็นผู้นำสภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติ
บุตรชายหัวแก้วแหวนของ กัดดาฟี อ้างด้วยว่า ฝ่ายกบฎมีส่วนพัวพันกับกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ และปฏิเสธข้อกล่าวหาขององค์การสหประชาชาติ, แพทย์, ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และบุคคลอื่นๆที่ว่า ชาวเมืองมิสราตาตกเป็นเป้าสังหาร
“ผมไม่ยอมรับว่าทหารลิเบียฆ่าพลเรือน ไม่เคยมีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้น และจะไม่มีวันเกิด” ซาอิฟ กล่าว
ซาอิฟ ยังขอให้สหรัฐฯช่วยลิเบียต่อสู้กับอัลกออิดะห์ จนกว่า “ผู้ก่อการร้าย” จะหมดไปจากเมืองมิสราตาและเบงกาซี หลังจากนั้นจึงจะมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งจะลดบทบาทของ กัดดาฟี ลง