เอเอฟพี - ชายคนหนึ่งที่เชื่อว่าน่าจะเป็นศิษย์เก่า ก่อเหตุกราดยิง ณ โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในรีโอเดจาเนโรเมื่อวันพฤหัสบดี (7) สังหารเด็กนักเรียนไป 10 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย ก่อนลงมือลั่นไกปลิดชีพตนเอง
เซอร์จิโอ คอร์เตส หัวหน้ากรมสาธารณสุขแห่งรัฐรีโอเดจาเนโร ยืนยันตัวเลขเหยื่อในโศกนาฏกรรมอันน่าสลดนี้ หลังก่อนหน้านี้ รายงานข่าวระบุว่า มีผู้เสียชีวิตถึง 13 รายและบาดเจ็บ 22 คน
นางดิลมา รุสเซฟฟ์ ประธานาธิบดีหญิงบราซิล กล่าวว่า เธอรู้สึกตกใจและสับสนหลังได้รับรายงานข่าวนี้ “เด็กผู้บริสุทธิ์ต้องมาเสียชีวิตและอนาคตไป” ขณะที่ เฟอร์นานโด ฮัดดัด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า เหตุโจมตีนี้คือโศกนาฏกรรมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในบราซิล และบอกว่านี่คือวันอันน่าสลดของวงการการศึกษาของประเทศ
เจ้าหน้าที่ระบุว่า มือปืนคือ นายวิลลิงตัน เมเนเซส เด โอลิเวียรา วัย 24 ปี และเชื่อว่า น่าจะเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนรัฐบาลแห่งนี้ ขณะที่ตำรวจกล่าวเสริมว่าชายรายนี้ได้ทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งไว้ โดยมีเนื้อหาบอกว่าเขาอยากฆ่าตัวตาย แต่ก็แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าได้เตรียมการสำหรับการจู่โจมนองเลือดด้วยการซุกซ่อนปืนลูกโม่ 2 กระบอก และกระสุนจำนวนมากระหว่างที่นักเรียนและบรรดาครูกำลังเดินทางมาโรงเรียนในตอนเช้า
โรงเรียนทาสโซ ดา ซิลเวรา เป็นโรงเรียนระดับประถมที่ให้การศึกษาแก่เด็กอายุระหว่าง 9 ถึง 14 ปี ขณะที่โฆษกหน่วยดับเพลิงบอกว่าในจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นมีหลายคนถูกยิงบริเวณศีรษะ
รายงานข่าวเบื้องต้นระบุว่า คนร้ายสะพายเป้เข้าไปในโรงเรียนและอ้างว่าจะไปเข้าร่วมประชุม ก่อนลงมือกราดยิงในห้องเรียนห้องหนึ่ง
“เจ้าหน้าที่ของโรงเรียน บอกว่า เด็กหนุ่มรายนี้แต่งตัวดีและถือกระเป๋าเป้เดินเข้ามา พร้อมอ้างว่า ได้รับเชิญให้ไปบรรยายแก่เด็กๆ ณ ที่ประชุมหนึ่งภายในโรงเรียน” อีวานโดร เบเซอร์รา โฆษกหน่วยดับเพลิง กล่าว “นั่นคือ เหตุผลว่าทำไม เขาถึงสามารถขึ้นไปที่ชั้น 3”
ทั้งนี้ นายโอลิเวียรา ลงมือกราดยิงเข้าไปยังห้องเรียนห้องหนึ่งบนชั้น 3 ของอาคาร ทำเอาเด็กนักเรียนผู้ตื่นตระหนกพากันวิ่งเอาชีวิตรอดลงมาทางบันไดและหนีออกไปจากตัวตึก
พันเอก ดามา เบลทราเม บอกว่า ตำรวจบุกเข้าไปในโรงเรียนและยิงคนร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ทว่า ชายคนดังกล่าวก็หันปากกระบอกปืนจ่อศีรษะลั่นไกสังหารตนเอง พร้อมระบุว่า เหตการณ์ดังกล่าวอาจเลวร้ายกว่านี้ หากตำรวจไม่ขับรถตระเวนผ่านโรงเรียน และพบเห็นเด็กกรีดร้องและได้รับบาดเจ็บวิ่งหนีออกมาบนท้องถนน ณ เวลานั้น
ผู้ปกครองที่วิตกกังวลและเพื่อนบ้านต่างรุดเดินทางมายังโรงเรียน เพื่อฟังข่าวบุคคลอันเป็นที่รัก โดยมีหลายคนถึงขั้นเป็นลมล้มฟุบหมดสติอยู่นอกอาคารที่ถูกปิดกั้นโดยตำรวจ ท่ามกลางสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ขณะที่สถานีโทรทัศน์นำเสนอภาพข่าวเจ้าหน้าที่กำลังลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บขึ้นรถฉุกเฉินเพื่อนำส่งโรงพยาบาลต่อไป
