เอเอฟพี - สำนักงานด้านความปลอดภัยหลายแห่งในสหรัฐฯ กำลังพิจารณาดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นทางการถึงสาเหตุที่ทำให้หอควบคุมการบินที่ท่าอากาศยานเรแกน ในกรุงวอชิงตัน ไม่ทำงานในช่วงเช้าของวันพุธ (23) เป็นเวลาหลายชั่วโมง จนทำให้เครื่องบิน 2 ลำต้องลงจอดโดยไม่มีการบอกนำทาง
ปีเตอร์ นุดสัน โฆษกคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติ เผยว่า ในวันพุธที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ช่วงหลังเที่ยงคืนไม่นาน เครื่องบินของสายการบินอเมริกันแอร์ไลนส์ลำหนึ่ง ซึ่งมีผู้โดยสารและลูกเรือ 97 คน ไม่สามารถติดต่อหอควบคุมการบินได้ ทำให้ไม่สามารถนำเครื่องลงจอด และต้องบินวนรอบสนามบินดังกล่าวเพื่อรอสัญญาณตอบรับ
เมื่อหอควบคุมยังคงเงียบกริบ นักบินจึงจำเป็นต้องนำเครื่องลงจอดในสนามบิน โดยปฏิบัติประหนึ่งว่าที่นั่นไม่มีพนักงาน ขณะที่ประกาศตำแหน่งของเครื่องบินด้วยความถี่ของหอควบคุมดังกล่าว
หลังจากนั้นไม่นาน เครื่องบินของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์อีกลำ ซึ่งมีผู้โดยสารและลูกเรือ 68 คนลงจอดที่สนามบิน แต่ก็ไม่สามารถติดต่อกับหอควบคุมการจราจรทางอากาศได้ โดยนักบินต้องนำเครื่องลงจอดด้วยวิธีการเดียวกัน
นุดสันระบุว่า ไม่นานหลังจากนั้นหอควบคุมการจราจรของสนามบินก็ตอบรับ โดยแจ้งว่ามีพนักงานดูแลอยู่ที่นั่นในเวลาเกิดเหตุเพียง 1 คนเท่านั้น
ด้าน เรย์ ลาฮูด รัฐมนตรีคมนาคมกล่าวว่า เขาได้สั่งการให้คณะบริหารการบินสหรัฐฯ หรือเอฟเอเอส่งพนักงานควบคุมการจราจรทางอากาศ 2 คนไปยังหอควบคุมการบินของสนามบินแห่งชาติโรนัลด์ เรแกน วอชิงตันในกะเที่ยงคืนแล้ว
กระทรวงคมนาคมแถลงว่า การมีพนักงานควบคุมเพียงคนเดียวในการจัดการจราจรทางอากาศในน่านฟ้าที่อันตรายเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ พร้อมกับมีการเรียกร้องให้ผู้บริหารเอฟเอเอตรวจสอบจำนวนพนักงานในสนามบินอื่นๆ ทั่วประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม นุดสันยังไม่สามารถยืนยันรายงานข่าวของสื่อต่างๆ ที่ว่า พนักงานควบคุมการบินนั้นหลับในหน้าที่จริงหรือไม่ โดยบอกเพียงแต่ว่ากำลังรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะตัดสินใจต่อไปว่าจะดำเนินการสอบสวนเหตุอย่างเป็นทางการหรือไม่