เอเอฟพี - วิกเตอร์ บูท นักค้าอาวุธชาวรัสเซีย เจ้าของฉายา “พ่อค้าความตาย” ส่งเสียงวิงวอนไปยังรัฐบาลกรุงมอสโก วันนี้ (10) ให้ใช้แรงกดดันทางการเมืองต่อสหรัฐฯ ให้ยอมปล่อยตัวเขา
การให้สัมภาษณ์ของ วิกเตอร์ บูท จากห้องขังภายในเรือนจำสหรัฐฯ กับหนังสือพิมพ์คอมเมียร์ซันต์ เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับการเยือนกรุงมอสโกของ โจ ไบเดน รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และท่ามกลางรายงานว่า อาจมีการแลกตัวเขากับบุรุษผู้ถูกทางการรัสเซียหมายหัวว่าเป็นสายลับอเมริกัน
วิกเตอร์ บูท ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์สายธุรกิจของรัสเซียฉบับนี้ ว่า “หากมองไปยังความไร้พิธีรีตองของนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ ผมพูดได้เลยว่า คดีของผมคงยืดเยื้อไปอีกนาน”
“หากคดีนี้ถูกหยิบยกขึ้นอภิปรายในสภาดูมา (สภาล่างรัสเซีย) หรือ สภาความมั่นคง ระหว่างการประชุมของรัฐบาล ผมคงทำได้เพียงน้อมรับด้วยความยินดี”
ทั้งนี้ ทางการสหรัฐฯ เชื่อว่า วิกเตอร์ บูท เป็นหนึ่งในนักค้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดในโลก เขาถูกจับกุมเมื่อเดือนมีนาคม 2008 และมีการส่งตัวจากไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนให้สหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว หลังการต่อสู้ทางกฎหมายอันยาวนาน โดยเวลานี้เขาถูกควบคุมตัวในเรือนจำที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยระดับสูงในนครนิวยอร์ก
มีการวิเคราะห์กันว่า ทางการรัสเซียกังวลถึงข้อมูลของวิกเตอร์ บูท ซึ่งอาจพัวพันถึงคนในรัฐบาลเครมลินทั้งในอดีตและปัจจุบัน และดูเหมือนว่า ทางกรุงมอสโกยอมจะยอมแลกตัวเขากับสายลับสหรัฐฯ รายหนึ่ง
วานนี้ พ่อค้าความตายผู้นี้ได้ปฏิเสธรายงานของสื่อต่างชาติ ที่ตั้งสมมติฐานว่า เขาอาจทำงานให้กับผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ของรัฐบาลรัสเซียในขณะนี้ โดยสื่อตะวันตกและรัสเซียหลายสำนัก อ้างว่า เมื่อช่วงทศวรรษที่ 1980 บูทเคยทำงานอยู่ใน โมซัมบิก ร่วมกับ อิกอร์ เซชิน รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย อย่างไรก็ตาม บูทพูดถึงรองนายกรัฐมนตรีเซชิน ว่า “โชคร้ายที่ผมไม่รู้จักเขา แต่ผมยินดีทำความรู้จักมักคุ้นกับรองนายกรัฐมนตรีท่านนี้”
ในวัย 44 ปี วิกเตอร์ บูทถูกทางการสหรัฐฯ กล่าวหาว่า ค้าอาวุธสงครามให้กับกลุ่มหัวรุนแรงมากหน้าหลายตา ตั้งแต่ตอลิบานไปจนถึง ชาร์ลส์ เทย์เลอร์ อดีตประธานาธิบดีไลบีเรีย
ศาลสหรัฐฯ ตั้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการหลายกระทง ซึ่งรวมทั้งการก่อการร้าย และสมรู้ร่วมคิดเพื่อครอบครอง ใช้ขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน
สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ อ้างอิงแหล่งข่าวภายในรายหนึ่งวานนี้ ว่า อาจมีการแลกตัวบูทกับสายลับสหรัฐฯ ชื่อ อังเดร คลีเชฟ ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมหมีขาว และพนักงานเก่าของรอสอะตอม องค์กรพลังงานนิวเคลียร์ของรัสเซีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศาลกรุงมอสโกเพิ่งพิพากษาลงโทษ อังเดร คลีเชฟ จำคุก 18 ปี ฐานจารกรรมข้อมูลให้กับสหรัฐฯ ทว่า ทนายของบูทออกมาปฏิเสธว่า ไม่เคยรู้เรื่องการแลกตัวนักโทษดังกล่าวแต่อย่างใด