เอเอฟพี - ราคาน้ำมันดิบโลกที่พุ่งสูงขึ้นจากปัญหาการเมืองในตะวันออกกลาง อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสายการบินต่างๆ ทั่วโลก ประธานสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ(ไอเอทีเอ) เผยวันนี้ (23)
ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก เช่น ลิเบีย, บาห์เรน, เยเมน และ อิหร่าน ล้วนสร้างความหวั่นวิตกว่า จะเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันทั่วโลก และทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นไปอีก
เหตุรุนแรงในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยราคาซื้อขายน้ำมันดิบชนิด “เบรนต์” เพื่อการส่งมอบเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นอีก 22 เซนต์ เป็น 106 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบชนิด ไลต์ สวีต ครูด ของสหรัฐฯ สำหรับส่งมอบในช่วงเดียวกัน เพิ่มขึ้นอีก 4 เซนต์ จนแตะระดับ 95.46 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
“น้ำมันเป็นปัญหาใหญ่ ที่สามารถเปลี่ยนสถานะ (ของธุรกิจการบิน) จากหน้ามือเป็นหลังมือได้” จีโอแวนนี บิซิกนานี ประธานไอเอทีเอ ซึ่งเป็นตัวแทนของ 230 สายการบินทั่วโลก หรือราว 93 เปอร์เซ็นต์ของเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมด ระบุ
บิซิกนานี แถลงที่กรุงโตเกียว ว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจทำให้ปีนี้ “ที่คาดกันว่าจะเป็นปีแห่งผลกำไร กลับกลายเป็นปีแห่งความยากลำบาก” และสายการบินเทั่วโลกกำลังเผชิญ “ความเสี่ยงครั้งใหญ่”
สัปดาห์ที่แล้ว ไอเอทีเอ เผยการประเมินสภาพธุรกิจการบินในปีนี้ ว่า จำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังจากลดลงในปี 2008 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ อย่างไรก็ตาม ผลกำไรสุทธิของสายการบินอาจลดลงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 9.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
การประเมินดังกล่าวคิดคำนวณจากราคาน้ำมันดิบ “เบรนต์” ซึ่งอยู่ที่ 84 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลในขณะนั้น
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย อาลี อัล-นาอีมี ระบุว่า กลุ่มประเทศโอเปกจะเข้ามาแทรกแซงราคาน้ำมันโดยเพิ่มกำลังผลิตให้มากขึ้น หากเกิดภาวะน้ำมันขาดแคลนจากการประท้วง