เอเอฟพี/เอเจนซี - ราคาน้ำมันลอนดอน วานนี้ (16) พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง จากความตึงเครียดครั้งใหม่ระหว่างอิสราเอล และอิหร่าน ซ้ำเติมตลาดที่หวาดหวั่นต่อความไม่สงบที่ลุกลามในตะวันออกกลางอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่ วอลล์สตรีท ปิดบวก หลังได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลผลประกอบการอันสดใสของบริษัทผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์รายใหญ่
เมื่อวันพุธ (16) กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล กล่าวอ้างว่า เรือรบอิหร่าน 2 ลำ มีแผนล่องผ่านคลองสุเอซ เพื่อมุ่งหน้าสู่ซีเรีย ความเคลื่อนไหวที่ทางอิสราเอล ประณามว่า เป็นการยั่วยุ และจากความตึงเครียดระหว่างสองชาติระลอกใหม่นี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นอย่างแรง
โดยเฉพาะเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ที่เพิ่มขึ้นถึง 2.14 ดอลลาร์ ปิดที่ 103.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2008 หลังจากช่วงหนึ่งของการซื้อขายทะยานขั้นไปถึง 104.52 ดอลลาร์ ส่วนสัญญาล่วงหน้าน้ำมันไลต์สวีตครูตของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ ปิดที่ 84.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ (16) ปิดบวกเล็กน้อย หลังเดลล์ บริษัทผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์รายใหญ่ เปิดเผยผลประกอบการอันแข็งแกร่งและเฟดปรับเพิ่มประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 61.53 จุด (0.50 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,288.17 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 21.21 จุด (0.76 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,825.56 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 8.31 จุด (0.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,336.32 จุด
ความเคลื่อนไหวในแดนบวกของตลาดหุ้นสหรัฐฯ มาจากเดลล์ เผยว่า มีกำไรในช่วงไตรมาส 4 ปี 2010 เพิ่มเกือบ 3 เท่า จากอุปสงค์อันแข็งแกร่งในลูกค้ากลุ่มบริษัทหรือสถาบันองค์กรต่างๆและต้นทุนที่ลดลง ทำให้หุ้นของบริษัทผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์แห่งนี้ ดีดตัวขึ้นเกือบ 12 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการซื้อขาย ตลาดยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับเพิ่มประมาณการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ โดยคาดหมายว่าจีดีพีจะเติบโตราวร้อยละ 3.4 ถึง 3.9 จากเดิมที่เคยทำนายไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อนว่า จะขยายตัวราว 3.0 ถึง 3.6