เอเอฟพี - สายการบินแควนตัสของออสเตรเลียระบุว่าเครื่องปรับอากาศขัดข้อง อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินโดยสารลำหนึ่งของบริษัทเกิดภาวะความดันอากาศแปรปรวนกลางเวหาเมื่อวันอังคาร (25) จนทางนักบินต้องลดระดับลงอย่างกะทันหัน และก่อความตื่นตระหนกแก่ผู้โดยสาร
หน้ากากออกซิเจนกระเด้งออกมาในเกือบจะทันทีที่เครื่องบินลำนี้ ดิ่งลงจากระดับความสูง 36,000 ฟุต สู่ 10,000 ฟุต โฆษกของสายการบินระบุ
เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ลำนี้ บรรทุกผู้โดยสารทั้งหมด 99 คน จากแอดิเลด มีปลายทางที่เมลเบิร์น และเหตุการณ์อันน่าระทึกนี้เกิดขึ้นห่างจากจุดหมายราวครึ่งชั่วโมง
กรณีนี้นับเป็นเหตุขัดข้องหนล่าสุดที่เกิดกับสายการบินแห่งชาติของออสเตรเลียในรอบไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน สายการบินแห่งนี้ต้องระงับให้บริการเครื่องบินซูเปอร์จัมโบ้ เอบัส เอ380 ตามหลัง เอบัส เอ380 ลำหนึ่ง เกิดเครื่องยนต์ระเบิดหลังเทคออฟจากสิงคโปร์ไม่นาน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เครื่องบินลำหนึ่งของสายการบินแควนตัส เที่ยวที่มุ่งหน้าสู่นิวยอร์ก จำเป็นต้องลงจอดฉุกเฉินในฟิจิ หลังโบอิ้ง 747 ลำดังกล่าวมีปัญหาเกี่ยวกับระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์
ทั้งนี้ ในเหตุการณ์ล่าสุด ทางโฆษกของสายการบินบอกว่าปัญหาน่าจะมาจากระบบปรับอากาศของเครื่องบินขัดข้อง “มีระบบปรับอากาศอยู่ 2 เครื่องบนเครื่องบิน หนึ่งในนั้นเกิดขัดข้องขณะที่เครื่องบินอยู่ในระดับสูง”
โฆษกบอกต่อว่า “ต่อมาระบบปรับอากาศอีกเครื่องก็เกิดขัดข้องอีก เนื่องจากมันทำงานหนักเกินไป ดังนั้นนักบินจึงต้องลดระดับความสูงกะทันหัน สู่ระดับ 10,000 ฟุต แต่พวกเขายังควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์”
เครื่องบินลำนี้สามารถบินต่อมาลงจอด ณ ท่าอากาศยานเมลเบิร์น โดยปราศจากเหตุร้ายใดๆและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ผู้โดยสารหลายคนบอกกับสื่อมวลชนท้องถิ่นว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ก่อกระแสความกังวลแก่ทุกคนที่อยู่บนเครื่อง
“มีความตื่นตระหนกเล็กน้อยบริเวณด้านท้ายของเครื่องบิน แอร์โฮสเตสจำเป็นต้องเข้าไปปลอบผู้โดยสารบางคน” ผู้โดยสารรายหนึ่งบอก “โดยเฉพาะผู้หญิงรายหนึ่งที่เธอมีอาการหวาดผวาเป็นอย่างมาก”