เอเอฟพี - บริษัทด้านการลงทุนของสิงคโปร์ เทมาเส็ก โฮลดิงส์ จะยอมจ่ายค่าปรับ 15,000 ล้านรูเปียะห์ (1,660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แก่รัฐบาลอินโดนีเซีย ในความผิดฐานละเมิดกฎหมายห้ามผูกขาดธุรกิจโทรคมนาคม
เทมาเส็กตัดสินใจยอมจ่ายค่าปรับจำนวนมหาศาล หลังจากที่ศาลฎีกาอินโดนีเซียไม่รับคำอุทธรณ์ให้ทบทวนคำตัดสินของสำนักงานป้องกันการผูกขาดการค้า (KPPU) ซึ่งระบุว่าเทมาเส็กละเมิดกฎเกณฑ์ในการทำธุรกิจโทรคมนาคม
“เทมาเส็กรู้สึกผิดหวังที่ศาลไม่ยอมรับคำอุทธรณ์ เนื่องจากเราไม่ได้ทำผิดกฎหมายห้ามผูกขาดแต่อย่างใด” โกะห์ ยง เซียง ผู้อำนวยการบริหารอาวุโสด้านความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ของเทมาเส็กกล่าว
“ในฐานะนักลงทุนข้ามชาติ เทมาเส็กปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายของอินโดนีเซียมาโดยตลอด และจะยอมจ่ายค่าปรับที่สำนักงานป้องกันการผูกขาดการค้ากำหนดโดยปราศจากอคติ และจะขอรักษาสิทธิ์ทั้งหลายของเราไว้” แถลงการณ์ของโกะห์ระบุ
เคพีพียู มีคำตัดสินเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2007 ว่า เทมาเส็กทำการผูกขาดตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ในอินโดนีเซีย ด้วยการถือครองหุ้นใน 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศ
เดือนที่แล้ว เคพีพียู ได้พิจารณาขอคำสั่งศาลให้ยึดทรัพย์สินของเทมาเส็กเป็นมูลค่าเท่ากับค่าปรับ หากเทมาเส็กยังไม่ยอมชำระเงินดังกล่าว นอกจากนี้ยังสั่งให้เทมาเส็กลดการถือครองหุ้นในบริษัท พีที เทเลคอมมูนิกาซี เซลูลาร์ (เทลคอมเซล) หรือพีที อินโดแซต ลงอีกด้วย
สิงคโปร์ เทคโนโลจีส์ เทเลมีเดีย ซึ่งเทมาเส็กเป็นเจ้าของทั้งหมด ตัดสินใจขายหุ้นในพีที อินโดแซต ให้กับกาตาร์ เทเลคอม ซึ่งเป็นหุ้นส่วนธุรกิจของตนเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว
เทมาเส็ก ถือครองหุ้นในเทลคอมเซลโดยอ้อมร้อยละ 35 ผ่านทางสิงคโปร์ เทเลคอมมิวนิเคชันส์ (สิงค์เทล) ซึ่งเทมาเส็กมีหุ้นอยู่ร้อยละ 56