เอเจนซี - บริษัทวิจัยข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์เผย ปี 2010 ที่ผ่านมา ธนาคารในสหรัฐฯ ยึดบ้านหลุดจำนองได้มากกว่า 1 ล้านหลัง ภายในปีเดียวเป็นครั้งแรก แม้จะมีการหยุดชะงักในช่วง 2-3 เดือนสุดท้าย เนื่องจากเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับกระบวนการในการยึดทรัพย์มากขึ้น
ข้อมูลจากเรียลตี แทร็ก บริษัทวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ ระบุว่า ในเดือนธันวาคม ธนาคารได้ยึดทรัพย์สินหลุดจำนอง 69,847 ยูนิต ทำให้ยอดรวมของปีที่ผ่านมาเป็น 1.05 ล้านยูนิต ล้มสถิติเดิม 918,000 ยูนิตในปีก่อนหน้า
สำหรับจำนวนการยื่นฟ้องเพื่อขอยึดทรัพย์ ซึ่งรวมถึงหมายแจ้งผิดสัญญา การขายทอดตลาด และการถือครองทรัพย์สิน ก็ทำสถิติใหม่ในปีที่แล้ว ถึง 2.9 ล้านยูนิต เป็นการฟ้องร้องในเดือนธันวาคม 257,747 ยูนิต
เจมส์ เจ แซกคาซิโอ ผู้บริหารระดับสูงของเรียลตี แทร็ก ชี้ว่า จำนวนทรัพย์สินที่ถูกยื่นฟ้องเพื่อขอยึดในปี 2010 อาจเกิน 3 ล้านยูนิตได้อย่างง่ายดาย ถ้าการยึดทรัพย์หลุดจำนองในช่วงไตรมาสที่ 4 ไม่ลดลง อันเป็นผลมาจากข้อกังขาเกี่ยวกับเอกสาร และกระบวนการในการยึดทรัพย์ จนทำให้ธนาคารใหญ่หลายแห่งระงับการดำเนินการไว้ชั่วคราว
การขออำนาจศาลเพื่อยึดอสังหาริมทรัพย์ในเดือนธันวาคมปี 2010 นั้นมีจำนวนต่ำกว่าในเดือนพฤศจิกายน 2% และน้อยกว่าในเดือนธันวาคมของปี 2009 ถึง 26%
เรียลตี แทร็ก ระบุว่า รัฐเนวาดา แอริโซนา และฟลอริดา ยังคงมียอดการยึดบ้านสูงสุดในประเทศเช่นเดียวกับในปีก่อนหน้านั้น และมีเพียง 5 รัฐ คือ แคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา แอริโซนา อิลลินอยส์ และมิชิแกน ที่การยึดทรัพย์หลุดจำนองมากกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับปี 2005 ก่อนที่จะราคาบ้านจะตกต่ำ ธนาคารเคยยึดทรัพย์สินหลุดจำนองเพียง 100,000 ยูนิตเท่านั้น