บีบีซีนิวส์ - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ผู้นำรัสเซีย เห็นชอบข้อตกลงลดอาวุธนิวเคลียร์แล้ว เมื่อวันศุกร์(26) หลังจากการเจรจากันมานานหลายเดือน เพื่อมาทดแทนสนธิสัญญาลดอาวุธนิวเคลียร์ยุทธศาสตร์ (Strategic Arms Reduction Treaty - start) ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 5 ธันวาคมปีนี้
ทำเนียบขาวสหรัฐฯเผยว่า สนธิสัญญาฉบับใหม่จำกัดให้ทั้งสองฝ่ายลดหัวรบนิวเคลียร์ที่พร้อมประจำการลงมาเหลือ 1,550 ลูก หรือลดลงร้อยละ 30 ซึ่งเป็นข้อตกลงฉบับใหม่ทดแทนสนธิสัญญาสตาร์ท ฉบับปี 1991 โดยบรรดาผู้นำชาติๆ มีกำหนดลงนามกันในกรุงปราก ประเทศสาธารณะรัฐเชก ในวันที่ 8 เมษายนนี้
ประธานาธิบดีโอบามายกย่องสนธิสัญญาฉบับใหม่ว่า นับเป็นข้อตกลงในการควบคุมจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ที่ครอบคลุมที่สุดในรอบเกือบ 20 ปี เขากล่าวที่ทำเนียบขาวว่า ข้อตกลง ซึ่งรวมถึงฝ่ายสหรัฐฯและรัสเซีย สองประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก ยังเป็นการส่งสัญญาณอันเด่นชัดว่า ทั้งสหรัฐฯและรัสเซียตั้งใจจะเป็นผู้นำในการลดภัยคุกคามโลก ตามสนธิสัญญายับยั้งการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์( the Nuclear Non-Proliferation Treaty) รวมถึงรับประกันว่าชาติๆ ต่างจะร่วมรับผิดชอบในการยับยั้งการแพร่กระจายอาวุธอานุภาพทำล้ายล้างสูงพวกนี้ด้วย
ด้านประธานาธิบดีเมดเวเดฟ บอกกับสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ในรัสเซียว่า สนธิสัญญาฉบับใหม่เป็นการะสะท้อน "ผลประโยชน์ที่สมดุลระหว่างรัสเซีย และสหรัฐฯ"
ทั้งนี้ สนธิสัญญาฉบับใหม่ต้องได้รับการให้สัตยาบันของวุฒิสภาสหรัฐฯ และสภาดูมาของรัสเซียเสียก่อนถึงจะมีผลบังคับใช้
เจมส์ ร็อบบินส์ ผู้สื่อข่าวด้านการทูตของสำนักข่าวบีบีซีเผยว่า สหรัฐฯครอบครองหัวรบนิวเคลียร์มากกว่า 2,000 ลูก ขณะที่เชื่อว่ารัสเซียมีมากกว่า 2,500 ลูก เท่ากับว่า สหรัฐฯ ยอมลดการครอบครองลงร้อยละ 30 รัสเซียยอมลดลงร้อยละ 25 โดยต่างฝ่ายต่างมีเวลา 7 ปีในการทยอยลดจำนวนลง นอกจากนี้ ข้อตกลงยังเรียกร้องมีการลดขีปนาวุธและระเบิดที่ใช้ไปติดหัวรบลงครึ่งหนึ่งด้วย