ภัตตาคารในแคลิฟอร์เนียโดนข้อหา เสิร์ฟซูชิเนื้อวาฬ

เอเอฟพี - ภัตตาคารแห่งหนึ่งในเมืองซานตา โมนิกา มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ถูกตั้งข้อหาทางอาญา หลังจากถูกกล่าวหาว่าจำหน่ายซูชิเนื้อวาฬ ซึ่งละเมิดคำสั่งห้ามอันเข้มงวดของทางการสหรัฐฯ

ภัตตาคาร “เดอะ ฮัมป์” และ คิโยชิโร ยามาโมโตะ เชฟวัย 45 ปี ถูกตั้งข้อหาจำหน่ายเนื้อวาฬโดยผิดกฎหมาย โดยถูกกล่าวหาว่าจำหน่ายเนื้อวาฬพันธุ์เซ หากมีความผิดจริง ยามาโมโตะอาจถูกจำคุกสูงสุด 1 ปี และถูกปรับเป็นเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3.4 ล้านบาท) ส่วนภัตตาคารอาจถูกปรับถึง 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 6.8 ล้านบาท)

สำนักงานอัยการในท้องถิ่น ระบุว่า วาฬเซ อยู่ในบัญชีรายชื่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ และการจำหน่ายเนื้อวาฬทุกสายพันธุ์เป็นสิ่งต้องห้ามในสหรัฐฯ ซึ่งมีกฎหมายว่าด้วยการปกป้องสัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนมด้วย

อัยการเปิดเผยว่า การออกหมายค้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยืนยันว่า ภัตตาคารแห่งนี้จำหน่ายเนื้อวาฬพันธุ์เซอย่างน้อย 3 ครั้ง นับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา โดยเนื้อดังกล่าวได้รับการพิสูจน์ดีเอ็นเอ ว่า เป็นเนื้อวาฬพันธุ์เซ ขณะที่ใบเสร็จที่ร้านออกให้ลูกค้า ก็ระบุว่า พวกเขารับประทานเนื้อวาฬด้วย

ด้านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงานว่า เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่น ได้รับเบาะแสเกี่ยวกับการขายเนื้อวาฬของเดอะฮัมป์ จากทีมผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่อง “เดอะ โคฟ” ภาพยนตร์สารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการฆ่าโลมาในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

นิวยอร์กไทมส์ ระบุว่า ลูอี้ ซอยยอส ผู้กำกับเดอะโคฟ โจมตีร้านอาหารเดอะฮัมป์มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง โดยเขาพยายามหาหลักฐานชี้ว่า การเสิร์ฟเนื้อวาฬเป็นสิ่งผิดกฎหมาย มีรายงานด้วยว่าเขาจัดแจงให้ทีมงานปลอมตัวไปเป็นลูกค้า และแอบเก็บซูชิเนื้อวาฬกลับมา จากนั้นนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ ซึ่งยืนยันว่าเป็นเนื้อวาฬพันธุ์เซจริง

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า เดอะฮัมป์ คิดค่าดินเนอร์ราคา 600 ดอลลาร์ต่อ 2 คน (ประมาณ 20,400 บาท) ซึ่งจะถูกเสิร์ฟด้วยเนื้อวาฬราคาจานละ 60 ดอลลาร์ด้วย