เอเอฟพี - นักภูมิศาสตร์เฮติออกมาเตือนว่า จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงที่เรียกว่า "บิ๊กวัน"อีกครั้งในเฮติ จึงขอให้รัฐบาลเตรียมอพยพประชาชนออกจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ และพื้นที่เสี่ยงต่างๆ หลังจากเฮติเพิ่งเผชิญกับแผ่นดินไหว 7.0 ริกเตอร์ไม่ถึงเดือนที่ผ่านมา
โคลด เพรเปอตี วิศวกรสำนักงานเหมืองแร่และพลังงาน ซึ่งเคยเตือนชาวเฮติว่าจะเกิดแผ่นดินไหวมาตลอด 20 ปี เรียกร้องให้รัฐบาลเฮติอพยพประชาชนออกจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ และพื้นที่เสี่ยง เพราะมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเท่ากับแผ่นดินไหว 7.0 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 150,000 คน
เพรเปอตี ระบุว่า เฮติตั้งอยู่บนรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลก เอ็นริกิลโล-เพลนเทน การ์เดน ซึ่งเสี่ยงจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นอีกครั้ง โดยขณะที่สำนักสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ ระบุว่า มีความเสี่ยงร้อยละ 25 ที่จะเกิดอาฟเตอร์ช็อก หรือแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหวขนาด 6 ริกเตอร์ ขึ้นหลังเกิดแผ่นดินไหว 1 เดือน เพรเปอตีต์ กำลังวิตกถึงรอยเลื่อนของเปลือกโลกความยาว 250 กิโลเมตรที่ยังไม่เคลื่อนตัวออกไปทางตะวันออกของกรุงปอร์โตแปรงซ์ ซึ่งเขาเกรงว่า อาจจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอีกครั้งทางภาคเหนือ ซึ่งมีรอยเลื่อนอีกรอยอยู่ทางใต้ของเมืองเคป เฮเตียน ที่มีประชากร 300,000 คนอีกด้วย
เพรเปอตีระบุว่า จากความเสี่ยงดังกล่าว รัฐบาลต้องกระจายประชาชนออกไปจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ ซึ่งมีประชากรราว 2 ล้านคนหรือร้อยละ 26 ของประชากรทั้งหมด ไปอยู่ในชุมชนต่างๆ นับสิบแห่ง ห่างจากกรุงปร์โตแปรงว์ราว 500 กิโลเมตรถึงจะปลอดภัย รวมทั้งสร้างสาธารณูปโภคและสร้างงานขึ้นที่นั่น ตลอดจนการปรับปรุงมาตรฐานการก่อสร้าง ที่ไม่มีในเมืองหลวง ให้ความรู้แก่ประชาชนที่คุ้นเคยกับภัยพายุเฮอริเคน และอุทกภัย แต่ไม่คุ้นกับแผ่นดินไหว เพื่อให้คนเหล่านี้รู้วิธีเอาชีวิตรอด
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เพรเปอตีต์ พยายามเตือนเรื่องแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ให้ผู้คนในเฮติทราบ โดยเขานำเสนอแนวคิดของเขาตามโรงเรียน มหาวิทยาลัย และการประชุมต่างๆ คำเตือนครั้งสุดท้ายของเขาตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เลอ นูแวลลิสต์ ไม่ถึงเดือนก่อนเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 12 มกราคม เขายังระบุว่า แม้แต่นครลอสแองเจลิสของสหรัฐฯ ก็เสี่ยงเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เช่นกัน แต่ยังไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด
ทั้งนี้ เปรเปอตีต์ กล่าวว่า เขาเคยพยายามผลักดันให้รัฐบาลเฮติซื้ออุปกรณ์ตรวจวัดแผ่นดินไหว ซึ่งทางการก็รับฟัง แต่รัฐบาลก็มีสิ่งสำคัญเร่งด่วนกว่าต้องทำ