เอเจนซี - ชาวเฮติจำนวนเป็นพันเป็นหมื่นคน หลั่งไหลกันออกจากกรุงปอร์โตแปรงซ์เมื่อวันเสาร์(16) กลายเป็นคลื่นอพยพใหญ่หลบหนีจากเมืองหลวงซึ่งถูกแผ่นดินไหวทำลายพินาศตั้งแต่วันอังคาร(12) โดยที่ความช่วยเหลือยังเข้าไปไม่ค่อยถึงท้องถนนต่างๆ ซึ่งเต็มไปด้วยคนไร้บ้าน ผู้บาดเจ็บ และผู้หิวโหย
ชาวเฮติเหล่านี้มุ่งหน้าไปยังต่างจังหวัด โดยหวังจะขอพักอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงที่รู้จัก ผู้คนจำนวนมากต้องเดินเท้าเปล่า สะพายกระเป๋าไว้บนไหล่ หรือทูนไว้บนศีรษะ บางส่วนขนข้าวของขึ้นรถยนต์หรือรถบรรทุก แต่ก็ต้องไปรอคิวเติมน้ำมันเป็นเวลาหลายชั่วโมง
“ผมรอมาสองวันแล้ว แต่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือสักอย่าง น้ำสักขวดก็ไม่ได้” อีฟ แมเนส บอกขณะกำลังเดินช้าๆ ไปตามถนนสายหลักนอกเมืองหลวง โดยมีภรรยาและลูกอีกสองคนร่วมทางด้วย
ภรรยาของเขาเดินโขยกเขยกเพราะขาได้รับบาดเจ็บ และต้องใช้เสื้อยืดพันบาดแผลที่มีเลือดโชกไว้
“มีคนบอกว่าจะมีรถบรรทุกมาขนย้ายคนออกจากเมืองนรกนี้ ผมหมดตัวแล้ว แต่ผมยอมถอดเสื้อให้ หรือให้อะไรก็ได้ทุกอย่างเลย ขอให้ได้ออกไปจากที่นี่เสียที” แมเนสบอก
รัฐบาลเฮติระบุว่าอาจมีประชาชนถึงราว 100,000-200,000 คนทีเดียว เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวที่ทำลายประเทศยากจนที่สุดในโลกตะวันตกเมื่อวันอังคารที่แล้ว ส่วนรัฐมนตรีคนหนึ่งคาดการณ์ว่าจะต้องบูรณะซ่อมแซมเมืองหลวงที่พังทลายไปถึงราวสามในสี่ส่วนด้วย
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ชนบทของเฮติได้รับความเสียหายน้อยกว่ากรุงปอร์โตแปรงซ์ เพราะไม่มีอาคารคอนกรีตสูงๆ มากนัก
ส่วนชาวเฮติที่ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศ ก็ไปออกันอยู่ที่สนามบิน พวกเขาพยายามวิ่งขึ้นเครื่องบินทหารหรือเครื่องบินส่งข้าวของบรรเทาทุกข์ที่กำลังจะเดินทางกลับ
เจ้าหน้าที่ทหารของสหรัฐฯ ถึงกับต้องตั้งโต๊ะตรวจคนเข้าเมืองชั่วคราวเพื่อตรวจสอบสถานะของคนกลุ่มนี้ก่อนจะยอมปล่อยให้ออกไปใกล้บริเวณรันเวย์
พวกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเฮตินั้น อยู่ในสภาพอับจนไม่รู้จะทำอย่างไรเพื่อตอบโต้แก้ไขปัญหานานาอันสืบเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของโลกคราวนี้ การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแทบทั้งหมดจึงตกอยู่ในมือของสหประชาชาติ กองทัพสหรัฐฯ และรัฐบาลต่างประเทศ รวมทั้งองค์กรให้ความช่วยเหลืออีกมากมายที่กำลังเริ่มเข้าไปในพื้นที่
แต่ถึงแม้ความช่วยเหลือจากนานาชาติกำลังเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ ชาวเฮตินับแสนๆ คนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กันตามท้องถนนนับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหว (ทั้งเนื่องจากบ้านเรือนถูกทำลายเสียหาย และความหวาดผวากับอาฟเตอร์ช็อก) จำนวนมากทีเดียวยังไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น
“พวกเขาบอกเราทางวิทยุว่าประธานาธิบดีโอบามากำลังส่งความช่วยเหลือมา แต่มันอยู่ที่ไหนกันล่ะ? ช่วยอธิบายให้คนเหล่านี้เข้าใจทีเถอะ” โดนาเด มาร์ส ซึ่งเป็นคนประสานงานการตั้งค่ายผู้ลี้ภัยกลางสนามหญ้าของที่ทำการนายกรัฐมนตรีกล่าว และตั้งคำถามว่า“เราต้องรอกันอีกนานแค่ไหนล่ะ”
ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าขณะนี้จะเกิดเหตุรุนแรงตามท้องถนนเพียงแค่เป็นจุดๆ ที่นั่นที่นี่ แต่หลายคนกลัวว่าสถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่เลวร้ายลง เนื่องจากพวกนักโทษในเรือนจำกลางของกรุงปอร์โตแปรงซ์พากันหลบหนีออกมาได้ และคนในพื้นที่ยังบอกอีกว่าเห็นเพลิงไหม้หลายจุดในกระทรวงยุติธรรมเมื่อวันเสาร์ (16) ซึ่งอาจเป็นการเผาเพื่อทำลายหลักฐานคดีอาชญากรรมก็ได้
สภาพจริงๆ ของการให้ความช่วยเหลือที่เกิดขึ้นในตอนนี้ สามารถมองเห็นได้จากปฏิบัติการของเฮลิคอปเตอร์ทหารอเมริกันลำหนึ่ง กล่าวคือ นักบินนำเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นร่อนลลงยังพื้นที่กลางแจ้งแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับท่าเรือ แล้วโยนกล่องที่มีถุงพลาสติกและขวดน้ำบรรจุอยู่ลงจากเครื่อง หลังจากนั้นก็นำเครื่องขึ้นและจากไป
ชาวเฮติที่อยู่ใกล้เคียงต่างวิ่งฮือกันไปแย่งชิงน้ำ หลายคนรีบดื่มในทันทีและแบ่งปันให้คนในครอบครัวและเพื่อนฝูง
ทว่า ยังมีอีกหลายคนที่ไม่อาจแม้แต่ขยับเขยื้อนเพื่อช่วยเหลือตัวเองได้
ส่วนที่ด้านนอกของพื้นที่ซึ่งเคยเป็นโรงพยาบาลกลางของปอร์โตแปรงซ์นั้น มีเด็กผู้หญิงสองคนที่ดูเหมือนจะเป็นพี่น้องกันนอนพักรักษาตัวอยู่ พวกเธอเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่อยู่ในเตียงชั่วคราวซึ่งวางเรียงอยู่บนถนน โดยมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จากต่างประเทศ 3 คนกำลังเข้าไปช่วยเหลือพวกเธออยู่
เด็กทั้งสองได้รับบาดเจ็บและคงจะเป็นลูกกำพร้า ต่างก็ไม่พูดอะไรสักคำ “พวกเธอยังอยู่ในอาการช็อกจนพูดไม่ได้” เคนา เบทันเคอร์ ช่างภาพของรอยเตอร์บอก “ไม่มีใครรู้ว่าเด็กสองคนนี้เป็นใคร มาจากไหน และมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”