เอเอฟพี – ถนนหนทางในกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ เรียงรายไปด้วยศพผู้เสียชีวิต ร่างผู้บาดเจ็บ และผู้อพยพหาที่หลบภัย หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหววัดขนาดความรุนแรงวัดได้ 7.0 ริกเตอร์ เมื่อเวลา 16.53 น.วันอังคารที่ 12 ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 04.53 น.วันพุธที่ 13 เวลาเมืองไทย) โดยคาดน่าจะมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยหลายร้อยคน
แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้ปอร์โตแปรงซ์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก กระทั่งอาคารที่แข็งแรงที่สุดของเมืองก็ยังพังเสียหาย ตึกบางหลังบิดเบี้ยวจนเห็นโครงสร้างเหล็กและคอนกรีตโผล่ออกมา ทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยฝุ่นคลุ้งเป็นเวลาหลายชั่วโมง
นอกจากนั้น ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกอย่างน้อย 27 ครั้ง ทำให้ผู้คนต้องอพยพหลบหนีออกมาอยู่กันตามถนน
“บริเวณใจกลางกรุงปอร์โตแปรงซ์ถูกทำลายยับเยิน มันเป็นความหายนะ” ปิแอร์ซึ่งยังทุกข์ทรมานกับเหตุการณ์จนแทบพูดไม่ออก เล่าถึงสภาพที่เขาพบเห็นระหว่างสำรวจความเสียหายหลังจากต้องเดินอยู่หลายกิโลเมตรเพื่อหาบ้านของเขาเอง
รถของตำรวจไฮติ สหประชาชาติ และกาชาดสากล พยายามเร่งนำส่งผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาล แต่การเดินทางเป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจากมีเศษซากอาคารระเกะระกะอยู่ทั่วไป หนำซ้ำท้องถนนเองก็ยังบิดเบี้ยวและบางส่วนถูกตัดขาด
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าไม่มีบริเวณใดของเมืองหลวงที่มีประชากรราว 2 ล้านคนแห่งนี้ รอดพ้นจากการถูกทำลาย ความเสียหายยังกระจายไปถึงแถบชานเมืองใกล้เคียงด้วย
ทำเนียบประธานาธิบดีซึ่งเป็นอาคารสีขาวกระจ่างตั้งอยู่บริเวณใจกลางจัตุรัสฌ็องเดอมาร์ส์ ขณะนี้ก็พังลงมา โดยส่วนของยอดกลมบนหลังคาที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ได้หักโค่นอยู่ในสภาพกลับหัวกลับหาง
โรงพยาบาล โรงแรม โรงเรียน และสำนักงานกระทรวงทบวงกรมของรัฐบาลก็พังลงมาเช่นกัน ผู้คนแทบไม่กล้าเดินกลับเข้าไปในอาคาร เพราะหวาดกลัวว่ามันจะถล่มลงมาตามแรงของอาฟเตอร์ช็อกที่ยังไม่หยุด
แซรา ฟาจาร์โด จากหน่วยบรรเทาทุกข์ของคาทอลิกเล่าว่า “เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่จะนอนกันที่ภายนอกสำนักงาน เพราะยังกลัวเกินกว่าจะเข้าไปนอนพักภายในอาคาร”
อาฟเตอร์ช็อกบางครั้งรุนแรงถึง 5.9 ริกเตอร์ซึ่งแรงพอที่จะทำให้ตึกถล่มลงมาอีกได้
โทรศัพท์ถูกตัดขาด ยกเว้นระบบที่ติดต่อผ่านดาวเทียม โครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ พังเสียหาย และหลังเกิดเหตุไม่นานเวลาก็ค่ำมืด โดยที่ไม่มีแสงไฟฟ้า ทำให้ยังไม่สามารถประเมินระดับความเสียหายได้ ทว่าหลายคนกลัวว่าเหตุการณ์จะเลวร้ายที่สุด
“ถ้าให้คิดคร่าวๆ ผมว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตคงเป็นหลักร้อย” แพทย์คนหนึ่งกล่าว ตัวเขาเองก็มีเลือดออก และกำลังให้การรักษาผู้บาดเจ็บคนหนึ่งด้วยแขนซ้าย
อย่างไรก็ตาม มีการส่งข้อความสั้นและภาพถ่ายเหตุการณ์ผ่านทางอีเมลและทวิตเตอร์อยู่บ้าง ข้อความหนึ่งระบุว่า “ฉันได้ยินเสียงคนร้องเพลงและสวดมนต์ดังมาจากบริเวณคาร์ฟู ฟิวอิเลส์ … คนที่อยู่แถวนั้นได้ยินเสียงสวดมนต์ของฉัน”
ทว่าในท่ามกลางความมืดมิดนั้น “มันยิ่งเงียบงันหนักไปอีกใน PauP (เมืองปอร์โตแปรงซ์) เสียงสวดมนต์ที่ฉันได้ยินเมื่อครู่นี้เงียบไปแล้ว ไม่มีเฮลิคอปเตอร์ ไม่มีเสียงรถพยาบาล” นักทวิตอีกคนหนึ่งเล่า
อีกข้อความหนึ่งในทวิตเตอร์ให้ภาพของโศกนาฏกรรมที่สะท้านใจไม่แพ้กันว่า “เสียใจด้วย ไม่มีใครพูดอะไรที่วิลลา ครีโอล”
ส่วนภาพที่เผยแพร่ออกมามีแต่บรรยากาศความเสียหาย ผู้รอดชีวิตที่ได้รับความช่วยเหลือออกจากซากปรักหักพังต่างอยู่ในสภาพงุนงงและเนื้อตัวเปื้อนฝุ่น
อาคารที่ยังไม่ล้มพังลงมาก็ดูน่ากลัวเช่นกันเพราะบนผนังกำแพงมีแต่รอยแยกเป็นทางยาว
อเลน เลอรอย เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหประชาชาติระบุว่าสำนักงานของสหประชาชาติก็พังลงมาเช่นกัน
อาคารสูง 5 ชั้นแห่งนี้เรียกกันว่าโรงแรมคริสโตเฟอร์ อยู่บนถนนที่มุ่งหน้าไปยังเมืองเปเตียงวิลล์ มีกองกำลังรักษาสันติภาพสหประชาชาติ (MINUSTAH) ที่เป็นชาวบราซิล กำลังเร่งช่วยเหลือผู้คนที่ติดอยู่ภายในอาคารโรงแรมออกมาในสภาพวุ่นวายโกลาหล
เอ็ดมันด์ มูเล็ต ผู้ช่วยของเลอรอยกล่าวว่าปกติแล้วมีคนทำงานในส่วนที่เป็นสำนักงานใหญ่ราว 200-250 คน แต่แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในเวลาใกล้ๆ 17.00 น. ที่เป็นเวลาเลิกงาน จึงยังไม่รู้ว่ามีคนยังอยู่ภายในอาคารกี่คน
อนึ่ง แผ่นดินไหวครั้งนี้รู้สึกไปได้ไกลถึงคิวบาและสาธารณรัฐโดมินิกัน แต่ความเสียหายในชั้นต้นอยู่ในบริเวณกรุงปอร์โตแปรงซ์ และเมืองเปเตียงวิลล์ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 12 กิโลเมตรทางตะวันออก
ความเสียหายครั้งนี้จะยิ่งทำให้เฮติซึ่งมีประชากร 8.5 ล้านคนต้องอดอยากยากแค้นหนักกว่าเดิม ทั้งนี้ปกติประชากรราว 70 เปอร์เซ็นต์มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 2 ดอลลาร์ต่อวัน และประชากรราวครึ่งหนึ่งไม่มีงานทำ