เอเจนซี/เอเอฟพี – ศาลของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) พิพากษาเมื่อวันอาทิตย์(10) ยกฟ้องคดีที่น้องชายของเจ้าครองรัฐอาบูดาบีและประธานาธิบดียูเออี ถูกฟ้องร้องว่าทรมานและข่มขืนพ่อค้าชาวอัฟกัน โดยที่ก่อนหน้านี้หลักฐานสำคัญในคดีคือวิดีโอบันทึกภาพได้ถูกนำออกเผยแพร่ทางเครือข่ายทีวียักษ์อเมริกัน จนสร้างความอับอายให้แก่รัฐอาหรับแห่งนี้ ตลอดจนทำให้เกิดคำถามนานาในเรื่องสิทธิมนุษยชน
คำตัดสินของผู้พิพากษาไม่ได้ระบุเหตุผลว่า ทำไม เชก อิสซา บิน ไซเอด อัล-นาห์ยัน จึงพ้นผิดไม่ต้องรับผิดชอบต่อพฤติการณ์กระทำทารุณผู้อื่น ดังที่ปรากฏในวิดีโอซึ่งถูกนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนครั้งแรกทางเครือข่ายโทรทัศน์เอบีซีเมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้ ในการแพร่ภาพคราวนั้น เอบีซีระบุว่า บุคคลหนึ่งที่ร่วมในการกระทำทารุณคือ เชก อิสซา
ผู้พิพากษาแจ้งเพียงว่า จะมีการตีพิมพ์เผยแพร่เหตุผลของคำตัดสินนี้ในเวลาต่อไป
ด้าน ฮาบิบ อัล-มุลลา ทนายความของเชกอิสซา แถลงว่าได้มีการพิสูจน์จนศาลเชื่อถือว่า ลูกความของเขามีเหตุอันควรให้รับผิดเพียงเบาบาง เพราะเขาถูกอดีตผู้เกี่ยวข้องทางธุรกิจ 2 คนวางยา จึงได้แสดงพฤติการณ์เหล่านั้นออกมาด้วยฤทธิ์ยา โดยที่ไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัวเลยและหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปแล้วก็จำอะไรไม่ได้ ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นได้ถูกบันทึกวิดีโอเอาไว้เพื่อใช้ขู่กรรโชกเงินลูกความของเขาในภายหลัง
ทั้งนี้อดีตผู้เกี่ยวข้องทางธุรกิจทั้งสองที่ถูกระบุถึง ก็คือ
บัสซัมและกัสซัน นาบุลซี สองพี่น้องชาวอเมริกันเชื้อสายเลบานอน พวกเขาไม่ได้ปรากฏตัวในศาล แต่ก็ถูกศาลตัดสินโทษจำคุก 5 ปี และถูกปรับเงิน10,000 ดีแรห์ม (2,723 ดอลลาร์) ในความผิดฐานวางยา, ทำการบันทึกและเผยแพร่วิดีโอ, และกรรโชกทรัพย์
สำหรับจำเลยคนอื่นๆ ในคดีนี้ ยังมียามชาวเนปาลผู้หนึ่งซึ่งศาลตัดสินให้พ้นผิดเช่นกัน ส่วนคนงานในฟาร์มที่เกิดเหตุอีก 3 คน คนที่เป็นชาวซีเรียถูกตัดสินจำคุก 1 ปีในความผิดฐานทุบตีพ่อค้าชาวอัฟกันเคราะห์ร้าย ซึ่งมีชื่อว่า โมฮัมเหม็ด ชาห์ปูร์ และที่เป็นชาวอินเดียกับชาวปาเลสไตน์ถูกจำคุกคนละ 3 ปีในความผิดฐานกระทำชำเราชาห์ปูร์โดยใช้ไม้แยงทวารหนัก อย่างไรก็ดี ปรากฏว่าจำเลยที่ถูกลงโทษทั้ง 3 ต่างไม่ได้มาปรากฏตัวในศาล
เชก อิสซา เป็นน้องชายของ เชก คอลิฟา บิน ไซเอด อัล นาห์ยัน เจ้าผู้ครองรัฐอาบูดาบี ซึ่งมีฐานะเป็นประธานาธิบดีของยูเออีด้วย ภายหลังผู้พิพากษาอ่านคำตัดสินแล้ว เขาได้เข้าจูบศีรษะของทนายความ แต่ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ ขณะที่ทนายความกล่าวว่ายูเออีได้แสดงให้เห็นแล้วว่ายึดมั่นหลักนิติธรรม
เขาบอกว่า จากการที่คดีนี้ถูกนำขึ้นสู่การพิจารณาของศาล ยูเออีก็กำลังแสดงให้เห็นว่าทุกๆ คนในประเทศนี้อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน และหากใครกระทำความผิดก็จะถูกนำตัวขึ้นศาล
ทางด้าน ชาห์ปูร์ พ่อค้าข้าวชาวอัฟกันผู้ถูกทำร้ายร่างกาย ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ หลังฟังคำพิพากษา
ในวิดีโอซึ่งบันทึกไว้ตั้งแต่ปี 2004 ชาห์ปูร์ถูกตีด้วยไม้ต้อนวัวที่ออกฤทธิ์แบบช็อกด้วยไฟฟ้า ถูกเฆี่ยนด้วยแส้และทุบตีด้วยแผ่นไม้ที่มีตะปูตอกติดอยู่ อีกทั้งยังถูกรถยนต์แล่นทับ ณ สถานที่แห่งหนึ่งในทะเลทราย ใกล้ๆ กับโอเอซิสแห่งอัล-เอน
จากเหตุการณ์อื้อฉาวคราวนี้ ได้สร้างความอับอายขายหน้าให้กับยูเออี ซึ่งอยู่ในระหว่างการพยายามปรับปรุงภาพลักษณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศ หลังจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อคนงานระดับล่าง และยูเออีก็ต้องการขอให้สหรัฐฯ อนุมัติโครงการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติโครงการหนึ่งอยู่พอดี
มีนักการทูตสหรัฐฯผู้หนึ่งเข้ารับฟังการตัดสินคดีนี้ด้วย แต่เขาไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อผู้สื่อข่าว