เอเอฟพี/เอเจนซี/วอชิงตัน โพสต์/ASTV ผู้จัดการรายวัน- ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันจันทร์ (4) ว่า การแผ่ขยายอิทธิพลที่เพิ่มสูงขึ้นทุกขณะของกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ในเยเมน ถือเป็น “ภัยคุกคามอันสำคัญยิ่ง” ต่อเสถียรภาพของภูมิภาคตะวันออกกลาง และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ รวมทั้งประเทศต่างๆ ทั่วโลก ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญชี้มาตรการคัดกรองผู้โดยสารเป็น "การกระทำที่สิ้นคิด" ยิ่งทำให้อเมริกาตกอยู่ในความเสี่ยง
ในการแสดงจุดยืนครั้งแรกของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นับตั้งแต่เกิดเหตุที่อูมาร์ ฟารูก อับดุลมุตอลลับ คนร้ายชาวไนจีเรียพยายามก่อเหตุระเบิดเครื่องบินโดยสารของสายการบินนอร์ธเวสต์ แอร์ไลน์ส เมื่อวันคริสต์มาสที่ผ่านมา คลินตันกล่าวยืนยันว่า แม้ในขณะนี้จะเป็นที่ประจักษ์ว่า กลุ่มก่อการร้ายที่เรียกตัวเองว่า “สมาชิกอัลกออิดะห์แห่งคาบสมุทรอาระเบีย” หรือ “เอคิวเอพี” กำลังคุกคามความสุขสงบของภูมิภาคตะวันออกกลางและทั่วโลก แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนโยบายด้านความมั่นคงและการต่อต้านการก่อการร้ายให้เป็น “นโยบายเชิงรุก” มากขึ้นแต่อย่างใด
เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงเชื่อมั่นว่า ทางที่ดีที่สุดในการรับมือกับภัยคุกคามของกลุ่มก่อการร้ายคือการคงไว้ซึ่งนโยบายที่เน้นการสร้างความร่วมมือกับชาติพันธมิตรรวมทั้งประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลางมากกว่าการเปิดฉากทำสงครามครั้งใหม่ในเยเมน พร้อมย้ำว่าได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เร่งทบทวนการทำงานในขั้นตอนต่างๆ เพื่อ“อุดรูรั่ว” ด้านความมั่นคงและป้องกันไม่ให้มีผู้ไม่ประสงค์ดีเล็ดลอดจากการตรวจสอบจนมีโอกาสก่อเหตุโจมตีสหรัฐฯได้อีก
คลินตันซึ่งพูดเรื่องนี้ภายหลังพบหารือกับชีคห์ ฮาหมัด บิน ยัสเซม นายกรัฐมนตรีแห่งกาตาร์ ที่กรุงวอชิงตัน กล่าวด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมให้ความช่วยเหลือประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซอเลห์ แห่งเยเมนอย่างเต็มที่ในการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายอย่างเอคิวเอพี แม้จะทราบดีว่าผู้นำเยเมนที่ครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 1990 ยังมีภาระหนักในการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธนิกายชีอะห์ทางตอนเหนือ และกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนทางตอนใต้ของประเทศอยู่อีกก็ตาม พร้อมเผยว่า ในเดือนนี้น่าจะมีการจัดประชุมระหว่างประเทศนัดพิเศษว่าด้วยสถานการณ์ในเยเมนที่กรุงลอนดอนของอังกฤษ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาคมระหว่างประเทศได้หารือกัน เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงและภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้ายในเยเมนโดยเฉพาะ
ต่อมาเมื่อช่วงบ่ายวันอังคาร (5) สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงซานาของเยเมน ได้แถลงผ่านทางเว็บไซต์ว่า สามารถเปิดทำการได้ตามปกติอีกครั้งหลังจากที่ต้องประกาศปิดสถานทูตอย่างกะทันหันเมื่อวันอาทิตย์(3)ที่ผ่านมา ด้วยเกรงว่าอาจตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย
ประกาศเปิดทำการอีกครั้งของสถานทูตสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากทางการเยเมนยืนยันว่า ตำรวจและกองกำลังความมั่นคงเยเมนสามารถสังหารบุคคลที่เชื่อว่าเป็นสมาชิกเอคิวเอพีได้อย่างน้อย 2 รายที่เขตอาร์ฮับ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงซานาไปทางเหนือราว 40 กิโลเมตร
ด้านอาบู บาการ์ อัล กูรบี รัฐมนตรีต่างประเทศเยเมน แถลงระหว่างการเยือนกรุงโดฮาของกาตาร์ว่า รัฐบาลเยเมนจะดำเนินมาตรการทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาคมโลกว่า เยเมนจะไม่กลายเป็น “สรวงสวรรค์อันปลอดภัย” สำหรับกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์และกลุ่มติดอาวุธที่มีแนวคิดสุดโต่งทั้งหลาย
ขณะที่ เอ็ดเวิร์ด แอลเดน ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงจากสถาบันซีเอฟอาร์ในนครนิวยอร์ก ออกมาประณามการประกาศใช้มาตรการของทางการสหรัฐฯ ในการคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาจาก หรือเดินทางผ่าน 14 ประเทศที่มีส่วนพัวพันกับการก่อการร้ายว่าเป็น “การกระทำที่สิ้นคิด” และเป็นการประกาศตัวเป็นศัตรูกับโลกมุสลิมอย่างชัดแจ้ง ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ ตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการถูกโจมตียิ่งกว่าเดิม
แอลเดนชี้ว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด และไม่ช่วยให้ชีวิตชาวอเมริกันปลอดภัย โดยเขาบอกว่าสหรัฐฯควรเพิ่มความเข้มงวดกับผู้โดยสารจากทุกประเทศแทนการเลือกปฏิบัติเพียง 14 ประเทศ