เอเอฟพี – ริชาร์ด และมายูมิ ฮีนี สองสามีภรรยาในมลรัฐโคโลราโด สหรัฐฯ ถูกศาลสั่งจำคุกในวันพุธ (23) ฐานกุเรื่องว่าลูกชายวัย 6 ขวบติดอยู่ในบอลลูนและลอยหายไป จนกลายเป็นข่าวดังทั่วโลกเมื่อเดือนตุลาคม
ริชาร์ด วัย 48 ปี ไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ เมื่อสตีเฟน สกาแพนสกีผู้พิพากษาศาลเมืองฟอร์ต คอลลินส์ ตัดสินจำคุกเขาเป็นเวลา 90 วัน โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป
ส่วนมายูมิ ภรรยาชาวญี่ปุ่นวัย 45 ปี ถูกสั่งจำคุก 20 วัน เนื่องจากยอมรับว่าได้กระทำผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษ และเธอจะถูกจำคุกหลังจากที่สามีพ้นโทษแล้วในปีหน้า
คนทั้งสองกุเรื่องแตกตื่นที่จบลงแบบหักมุมโดยเริ่มต้นด้วยการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและบอกสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ฟอลคอน ลูกชายวัย 6ขวบของทั้งสอง ลอยติดไปกับลูกบอลลูนรูปจานบินที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง
ทั้งนี้ สองสามีภรรยาแต่งเรื่องดังกล่าวขึ้นมาเพื่อดึงดูดความสนใจของสาธารณชน โดยหวังว่าจะได้ไปออกรายการเรียลลิตี้ทางโทรทัศน์
“การกระทำดังกล่าวเป็นการหลอกลวงอย่างชัดแจ้งและเป็นการวางแผนของนายและนางฮีนี” ผู้พิพากษาระบุในคำตัดสินโทษของริชาร์ด ฮีนี และกล่าวว่า “กรณีดังกล่าวถือเป็นการหลอกลวงโดยหวังจะหาประโยชน์จากบุตรของครอบครัวฮีนี รวมทั้งจากสื่อมวลชน และจากความรู้สึกของประชาชน อีกทั้งยังเป็นกรณีเกี่ยวข้องกับเงิน และการหวังผลที่เป็นตัวเงินด้วย”
ตามคำตัดสินดังกล่าว ริชาร์ด ฮีนี จะต้องถูกจำคุกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 30 วัน หลังจากนั้นจะเป็นการรับโทษแบบ “ปล่อยให้ทำงานได้” กล่าวคือ เขาจะออกจากเรือนจำไปทำงานตามปกติในเวลากลางวัน แต่ต้องกลับไปนอนพักในเรือนจำช่วงกลางคืนอีก 60 วัน
ก่อนหน้านี้ริชาร์ด ฮีนี ซึ่งเป็นคุณพ่อลูกสามได้กล่าวขอโทษต่อหน้าศาลถึงการแต่งเรื่องหลอกลวงครั้งนี้ว่า “ผมขอเรียนย้ำว่าผมรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง และผมขอโทษทีมหน่วยกู้ภัยและคนในชุมชนที่เกี่ยวข้องด้วยทั้งหมด ผมขอเรียนเพียงเท่านี้”
ส่วนโทษจำคุกของมายูมิ ฮีนี จะเป็นการรับโทษแบบพาร์ต-ไทม์ กล่าวคือ เธอต้องถูกจำคุกสัปดาห์ละ 2 วัน เป็นเวลา 10 สัปดาห์ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เธอยังสามารถทำงานต่อไปในระหว่างสัปดาห์ได้
ผู้พิพากษาสั่งให้ชะลอการลงโทษริชาร์ด ฮีนีไปจนกระทั่งหลังปีใหม่ โดยเขาระบุว่า “ศาลจะเลื่อนการลงโทษออกไปจนถึงหลังเทศกาล เพื่อให้ความเป็นธรรม ซึ่งถึงที่สุดแล้วก็คือแก่บุตรของเขานั่นเอง”
นอกจากนั้น ครอบครัวฮีนียังต้องถูกคุมประพฤติอีกเป็นเวลา 4 ปี และถูกสั่งห้ามทำกิจกรรมใดๆ ที่จะสามารถแสวงกำไรจากการสร้างเรื่องลวงโลกครั้งนี้ขึ้นด้วย
อนึ่ง หลังจากที่สองสามีภรรยาแจ้งความเท็จกับเจ้าหน้าที่ ทีมหน่วยกู้ภัยชุดใหญ่รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์ของทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบคนต้องเสียเวลากับการพยายามช่วยเหลือฟอลคอน ซึ่งถูกอ้างว่าติดไปกับบอลลูนดังกล่าว
อีกทั้งสนามบินนานาชาติเดนเวอร์ก็ได้สั่งให้เที่ยวบินต่างๆ เบี่ยงเส้นทางเพื่อความปลอดภัยของเด็ก ทว่า ในที่สุดเรื่องก็มาจบลงตรงที่ฟอลคอนโผล่ออกมาจากที่ซ่อนตัวภายในบ้านหลังจากเกิดเหตุวุ่นวายอยู่นาน 5 ชั่วโมง
ด้านตำรวจก็สงสัยว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการกุขึ้นเมื่อฟอลคอนเผลอพูดระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่าเรื่องทั้งหมดถูกจัดฉากขึ้น “เพื่อไปออกรายการ”
หลังจากให้สัมภาษณ์ได้สองวัน มายูมิก็ยอมรับสารภาพในระหว่างที่ถูกสอบสวนว่าทั้งหมดเป็นเรื่องกุขึ้นมา
อัยการแอนดรูว์ ลูอิส รายงานต่อศาลว่าการกุเรื่องดังกล่าวขึ้นทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเสียเวลางานไปถึง 389 ชั่วโมง และเสียงบประมาณไปถึงกว่า 47,000 ดอลลาร์ เขาจึงเรียกร้องให้ศาลสั่งจำคุกผู้ต้องหาเพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้กุเรื่องหลอกลวงสาธารณชนในทำนองเดียวกันนี้อีกในอนาคต
“เราจำเป็นต้องสกัดกั้นไม่ให้มีบุคคลอื่นกระทำการอย่างเดียวกันเพราะหวังว่าจะกลายเป็นข่าวโด่งดังใน 30 วินาที”
นอกจากนั้น ครอบครัวฮีนีจะต้องชำระคืนค่าใช้จ่ายดังกล่าวด้วย แต่จะมีการกำหนดเงื่อนไขการชำระคืนในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ทนายความของริชาร์ด ฮีนี พยายามขอไม่ให้ศาลลงโทษจำคุกลูกความของเขา โดยเปรียบเทียบการกุเรื่องคราวนี้ กับกรณีที่กลายเป็นตำนานในวงการสื่อมวลชนครั้งที่ ออร์สัน เวลส์ นำเอานิยายเรื่อง “วอร์ ออฟ เดอะ เวิลดส์” มาทำเป็นละครวิทยุออกอากาศในสหรัฐฯเมื่อปี 1938 ซึ่งเป็นชนวนทำให้เกิดความหวาดกลัวตื่นตระหนกไปทั่วว่ามนุษย์ต่างดาวกำลังเข้ามารุกรานโลกแล้ว
“เมื่อออร์สัน เวลส์ ทำให้คนอเมริกันเชื่อว่ามนุษย์โลกพระอังคารกำลังลงมายังโลกแล้วนั้น ผู้คนพากันฆ่าตัวตาย ผู้คนพากันแตกตื่น พวกเขาวิ่งหลบหนีไปตามถนน” ทนายผู้นี้บอก “ผมจำไม่ได้เลยว่าเขาเคยต้องติดคุกเพราะเรื่องนี้”