ครม.เนปาลจัดประชุมบนยอดเขาเอเวอเรสต์ กระตุ้นคนสนใจโลกร้อน

เอเจนซี/เอเอฟพี - คณะรัฐมนตรีเนปาจัดประชุมท่ามกลางอุณภูมิเย็นยะเยือกบนที่ราบสูงกว่า 5 ,000 เมตรของยอดเขาเอเวอเรสต์ เพื่อส่งสัญญาณบอกว่า ปัญหาโลกร้อนกำลังส่งผลกระทบต่อแนวเทือกเขาหิมาลายา ซึ่งเป็นที่ตั้งของยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้ ก่อนการประชุมของครั้งใหญ่ของสหประชาชาติ(ยูเอ็น) เพื่อหาทางต่อสู้กับภาวะโลกร้อน จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน

นายกรัฐมนตรีของเนปาล มาดฮาฟ คูมาร์ เนปาล และรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ อีก 22 คน เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อจัดประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้(3) บนไปยังที่ราบสูงของเทือกเขาเอเวอเรสต์ ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 5,242 เมตร โดยได้ใส่หน้ากากออกซิเจนและสวมเสื้อกันหนาวอย่างมิดชิด พร้อมด้วยทีมแพทย์ที่เตรียมไว้ ในกรณีท่อาจจะมีใครพบกับปัญหาทางสุขภาพ

จุดที่จัดประชุมขึ้นอยู่บนที่ราบสูงกัลลาปัตตาร์ ซึ่งเป็นจุดที่นักไต่เขาเริ่มออกเดินทางเพื่อพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 8,848 เมตร และเป็นส่วนหนึ่งของแนวเทือกเขาฮิมาลายาที่ทอดตัวผ่านเอเชีย

ในการประชุมแหวกแนวที่ไม่เคยมีชาติใดทำมาก่อนนี้ คณะรัฐมนตรีเนปาลได้ลงมติเห็นชอบสุนทรพจน์ของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับปัญหาโลกร้อน ซึ่งต้องใช้ในการไปร่วมประชุมของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก วันที่ 7-18 ธันวาคมที่จะถึงนี้

รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมเนปาล ทาเคอร์ ปราซาด ชาร์มาร์ ปฏิเสธว่า การประชุมนี้เป็นความพยายามจัดฉากเพื่อให้เป็นข่าว หลังจากถูกสื่อเนปาลวิจารณ์ในเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย เขากล่าวว่า ข้อเท็จจริง คือ น้ำแข็งบนเทือกเขากำลังละลาย เนื่องจากภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นเรื่องคอคาดบาดตายที่รัฐบาลเนปาลต้องการให้โลกสนใจ ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเสริมว่า ปัญหาโลกร้อนส่งผลกระทบอย่างรายแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศด้วย

เนปาล และบรรดานักโต่เขาผู้มีชื่อเสียงของประเทศพยายามเน้นความสำคัญให้คนตระหนักถึงปัญหาต่างๆ ที่เนปาลกำลังเผชิญจากภาวะโลกร้อน เช่น น้ำท่วมจากธารน้ำแข็งละลาย ฝนตกผิดฤดู ฤดูแล้งที่ยาวนานขึ้น รวมถึงปัญหาไฟป่าแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ด้านนักวิทยาศาสตร์ เตือนว่า อุณหภูมิในเนปาลกำลังเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าระดับเฉลี่ยของโลก ทั้งยังเตือนว่า ภาวะโลกร้อนจะทำให้ธารน้ำแข็งตามแนวเทือกเขาฮิมาลายา ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำสายใหญ่ ถึง 10 สายในเอเชียจะแห้งขอดในอีก 50 ปีข้างหน้าด้วย

ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว เนปาลเผชิญกับฤดูหนาวอันแห้งแล้งมากที่สุดในรอบ 40 ปี ทำให้ผลผลิตางการเกษตรเสียหายอย่างหนัก เพราะปกติต้องพึ่งพาฝนที่ยังตกในฤดูหนาวด้วย นอกจากนั้นยังเกิดไฟไหม้ป่าหลายครั้งด้วย