เอเอฟพี - กระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบียในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี (26) เผยยอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยร้ายแรงในเมืองเจดดาห์ และพื้นที่ใกล้เคียงขยับขึ้นเป็น 77 ราย คาดอาจพุ่งสูงกว่านี้ เนื่องจากยังสูญหายอีกหลายร้อยคน
อับเลเลาะห์ อัล-โอมารี โฆษกศูนย์ป้องกันพลเรือนของเจดดาห์ เปิดเผยว่า กรณีเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่อ่อนแอทางตะวันออกของเจดดาห์และหลายตำบลทางใต้ หลังจากเกิดฝนตกหนักที่สุดนรอบหลายปีในเมืองท่าของซาอุดีอาระเบียเมื่อวันพุธ (25)
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ประชาชนหลายคนต้องมาจบชีวิตลง หลังจากติดอยู่ในรถยนต์และรถบัสขณะที่ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีบางคนจมน้ำตาย บางคนก็เสียชีวิตเพราะสะพานถล่มลงมาทับ ทั้งนี้ โอมารี เปิดเผยว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่เป็นกังวลว่ายังมีผู้สูญหายอีกถึง 351 คน
แม้ว่าฝนตกหนักตั้งแต่วันพุธ (25) แต่ในวันพฤหัสบดี(26) ถนนหลายสายในบางพื้นที่ยังคงจมอยู่ใต้น้ำที่สูงกว่า 1 เมตร “น้ำได้ไหลผ่านไปบ้างแล้วและหลายสิ่งหลายอย่างในวันนี้ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน เราพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ประสบปัญหา” เขาบอก
พายุฝนกระหน่ำครั้งนี้ยังส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 รายในเมืองเมกกะ นครศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ติดกัน เมืองที่แสวงบุญชาวมุสลิม 2.5 ล้านคน เดินทางมาร่วมประกอบพิธีฮัจญ์ อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานนักแสวงบุญเสียชีวิตจากอุทกภัยครั้งนี้
ทั้งนี้ ในวันพฤหัสบดี (26) ผู้แสวงบุญชาวมุสลิมสามารถประกอบพิธีฮัจญ์ในวันที่ 2 ได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักก่อนหน้านี้เริ่มบรรเทาลง
สภาพอากาศที่เป็นใจมากขึ้น ช่วยให้ผู้แสวงบุญชาวมุสลิมไม่ต้องฝ่าพายุฝนที่ตกกระหน่ำประกอบพิธีเหมือนเมื่อวันพุธ (25) โดยวันพฤหัสบดี (26) ผู้แสวงบุญได้เดินเท้าขึ้นภูเขาอาราฟัต นอกนครเมกกะ เพื่อสวดมนต์จนกว่าจะถึงช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ก่อนที่ในวันศุกร์ (27) ผู้แสวงบุญจะประกอบพิธีขว้างหินใส่เสา 3 ต้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย อันถือเป็นพิธีสำคัญที่สุดของการประกอบพิธีฮัจญ์
พายุฝนที่ตกกระหน่ำอย่างหนักในนครเมกกะและเจดดาห์ เมื่อวันพุธ (25) เป็นเหตุให้บ้านเรือนเก่าแก่จำนวนมาก รวมถึงถนนและอุโมงค์ จมอยู่ใต้น้ำ ทำให้ผู้แสวงบุญหลายหมื่นคนติดค้างที่เมืองเจดดาห์ ไม่สามารถเดินทางไปร่วมพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะได้