เอเอฟพี/เอเจนซี - ประธานาธิบดี ฮามิด คาร์ไซ ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งอัฟกานิสถาน เป็นสมัยที่สองแล้ว ลั่นจะต่อสู้กับการคอร์รัปชัน และปกป้องอธิปไตยของประเทศ ขณะที่ชาติตะวันตกกดดันให้เขาสร้างรัฐที่ชอบธรรมด้วยกฎหมาย ท่ามกลางสงครามการต่อสู้นำโดยสหรัฐฯกับกลุ่มตอลิบาน ซึ่งยื้ดเยื้อมาเป็นปีที่ 9 แล้ว
ประธานาธิบดี ฮามิด คาร์ไซ เข้าพิธีสาบานตนเป็นผู้นำอัฟกานิสถานสมัยที่สองในวันนี้ (19) ที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงคาบูล ท่ามกลางแขกผู้เกียรติจำนวนมาก รวมทั้ง นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ขณะที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ประธานาธิบดี คาร์ไซ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งต่ออีก 5 ปี ให้คำมั่นว่าจะเคารพและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ รวมทั้งปกป้องอธิปไตยของประเทศ สร้างความมั่นคงปลอดภัยให้แก่ประชาชน
เขาให้คำมั่นว่า จะปราบปรามการคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นปัญหาที่อันตรายอย่างยิ่งในอัฟกานิสถาน รวมถึงปัญหายาเสพติด และจะสร้างงานให้กับประชาชนเพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้ เขายังประกาศว่า อัฟกานิสถานจะรับผิดชอบความมั่นคงปลอดภัยในประเทศด้วยกองกำลังของตัวเองให้ได้ภายใน 5 ปีด้วย
“เราต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดจาด 8 ปีที่ผ่านมา” คาร์ไซวัย 51 ปี กล่าว
หลังจากสงครามและความไร้เสถียรภาพนาน 8 ปี ชาติตะวันตกได้พยายามผลักดันให้คาร์ไซปฏิรูปรัฐบาลให้โปร่งใสอย่างเป็นรูปธรรมและฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้แก่นานาชาติ
วอชิงตันแสดงความกังวลมาตลอดถึงความน่าเชื่อถือของคาร์ไซในฐานะพันธมิตรและหัวหน้ารัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ โดยสหรัฐฯได้เรียกร้องมให้เขา กำจัดการคอร์รัปชันให้สิ้นซากเพื่อจะได้ต่อสู้กับการก่อความไม่สงบของกลุ่มตอลิบานที่นับวันเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯประกาศให้ความช่วยเหลือทั้งด้านทหารและการเงินแก่รัฐบาลอัฟกานิสถานเพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้
การสาบานตนรับตำแหน่งของคาร์ไซ เกิดขึ้นขณะที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา กำลังตัดสินใจว่าจะส่งทหารไปอัฟกานิสถานเพิ่มอีกราว 40,000 คนหรือไม่
โอบามา ระบุว่า ใกล้ถึงเวลาที่จะต้องเผยยุทธศาสตร์ใหม่ในการเอาชนะกลุ่มตอลิบาน หลังจากกองทัพนำโดยสหรัฐฯบุกเข้าโค่นล้มระบอบตอลิบานในปี 2001 และทำให้คาร์ไซก้าวขึ้นสู่อำนาจ ท่ามกลางความไม่สงบ โดยกรุงคาบูลนั้นเป็นฉากการโจมตีครั้งใหญ่หลายครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึงประมาณ 100 คนในช่วงเพียงเดือนเดียวที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คาร์ไซ ได้รับการรับรองว่าเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งอีกสมัยโดยองค์กรในรัฐบาลของเขาเอง เมื่อ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา หลังจากคณะกรรมธิการแห่งสหประชาชาติพบว่า คะแนน 2 ใน 3 ของคาร์ไซจากการเลือกต้้งรอบแรกนั้นมีการทุจริต และคู่ชิงชัยของเขาประกาศถอนตัวในการเลือกตั้งรอบสอง ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในชัยชนะของเขาครั้งนี้อย่างยิ่ง