เอเอฟพี/เอเจนซี/เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน - บรรดาผู้นำจากทั่วโลกทั้งในอดีตและปัจจุบัน ต่างพร้อมใจเดินทางมารวมตัวกันที่เมืองหลวงของเยอรมนีเมื่อวานนี้ (9) เพื่อร่วมในพิธีครบรอบ 20 ปี แห่งการพังทลายของกำแพงเบอร์ลิน ขณะที่ประชาชนอีกนับแสนต่างออกมาร่วมเฉลิมฉลองให้กับเสรีภาพและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของยุโรป
อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงเหล็กของเยอรมันในฐานะเจ้าบ้าน ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรี กอร์ดอน บราวน์ แห่งอังกฤษ, ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส, ประธานาธิบดีดมิตรี เมดเวเดฟ ผู้นำรัสเซียและบรรดาผู้แทนจากชาติสมาชิกสหภาพยุโรป เช่นเดียวกับฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่บริเวณประตูบรันเดนบวร์ก ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นเอกภาพของเยอรมัน
นอกจากนั้น อดีตประธานาธิบดีมิคาอิล กอร์บาชอฟ แห่งสหภาพโซเวียต และอดีตประธานาธิบดีเลค วาเลซา ของโปแลนด์ รวมทั้ง เหล่าผู้ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์จากหลายประเทศซึ่งเคยมีส่วนสำคัญในการทลายกำแพงเบอร์ลินและปิดฉากการปกครองของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปต่างเดินทางมาร่วมไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิต บริเวณพื้นที่ที่เคยถูกขนานนามว่าเป็น “ฉนวนแห่งความตาย” ที่ตั้งอยู่ระหว่างฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของกำแพงเบอร์ลิน ซึ่งเคยมีชาวเยอรมันจากฝั่งตะวันออกจำนวนกว่า 136 คนถูกยิงเสียชีวิต ขณะพยายามหลบหนีข้ามมายังฝั่งตะวันตกนับตั้งแต่ที่กำแพงประวัติศาสตร์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1961 จนกระทั่งถึงปี 1989
แมร์เคิล ผู้นำเยอรมัน วัย 55 ปีซึ่งเติบโตและเคยทำงานเป็นนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในฝั่งเยอรมันตะวันออกมาก่อน ให้สัมภาษณ์กับ “บิลด์ ไซตุง” หนังสือพิมพ์รายวันชื่อดังของเยอรมนีเมื่อวานนี้ โดยกล่าวว่า “แม้กระทั่งเมื่อถึงช่วงทศวรรษ 1980 ดิฉันก็ไม่เคยเชื่อแม้แต่น้อยว่าจะมีโอกาสได้เห็นการพังทลายของกำแพงเบอร์ลินในช่วงชีวิตนี้ และการครบรอบ 20 ปีการพังทลายของกำแพงเบอร์ลิน ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทุกคนควรตระหนักว่าเป็นเรื่องโชคดีอย่างเหลือเชื่อเพียงใดที่เราได้มีโอกาสเห็นการรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของเยอรมันและยุโรปในวันนี้ และขอให้ทุกคนรับรู้ว่าวันที่กำแพงเบอร์ลินพังทลาย ถือเป็นวันที่มีความสุขที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของเยอรมนี”
ด้าน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวระหว่างร่วมพิธีรำลึกที่ประตูบรันเดนบวร์กว่า ความเป็นเอกภาพของเบอร์ลิน เยอรมนี และยุโรปถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ และการพังทลายของกำแพงเบอร์ลินเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนให้เห็นว่า ไม่มีสิ่งใดที่สามารถเอาชนะความกล้าหาญของผู้คนทั้งชายหญิงในอันที่จะฝันถึงเสรีภาพแม้ต้องตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิด
ขณะที่ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯและชาติต่างๆในยุโรป หันมา ส่งเสริม “ความร่วมมือ 2 ฟากฝั่งแอตแลนติก” เพื่อร่วมกันผลักดันให้เกิดการปลดปล่อยผู้คนอีกจำนวนมาก ในดินแดนต่างๆทั่วโลกที่ยังคงถูกกดขี่อย่างไม่เป็นธรรมเพียงเพราะความแตกต่างทางด้านศาสนาและเผ่าพันธุ์
ด้านนายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ซึ่งเคยถูกส่งมาประจำที่เมืองเดรสเดน ในเยอรมันตะวันออก เมื่อครั้งทำงานเป็นสายลับเคจีบีในยุคของอดีตสหภาพโซเวียตออกมาระบุว่า รัสเซียรู้สึกชื่นชมที่ได้เห็นเยอรมนีมีความเป็นเอกภาพและรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่รัสเซียกับเยอรมนีต่างมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันบนพื้นฐานใหม่ ซึ่งไม่มีความแตกต่างทางอุดมการณ์มาเป็นอุปสรรคอีกต่อไป
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์แบร์ลิเนอร์ไซตุงของเยอรมันระบุว่า พิธีรำลึก 20 ปีการพังทลายของกำแพงเบอร์ลินจะช่วยให้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ของยุโรปไม่หลงลืมความกล้าหาญของผู้คนที่เคยอยู่หลัง “ม่านเหล็ก” ที่กล้าลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจของผู้ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์สมัยนั้น สอดคล้องกับผลการสำรวจความคิดเห็นของหนังสือพิมพ์ไลป์ซิเจอร์ โฟล์คสไซตุงที่ระบุว่า ร้อยละ 79 ของคนเยอรมันยังคงจดจำภาพประวัติศาสตร์ในวันที่ 9 พฤศจิกายน ปี 1989 ซึ่งเป็นวันที่กำแพงเบอร์ลินพังทลายลงได้เป็นอย่างดี และส่วนใหญ่ระบุว่าวันดังกล่าว ถือเป็นวันแห่งความปลื้มปีติของคนทั้งชาติ
อย่างไรก็ตาม ฟริธยอฟ ฮาเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน ออกมาเตือนว่า การรวมชาติของเยอรมันทั้งสองเมื่อปี 1990 ยังไม่เสร็จสิ้น และรัฐบาลเยอรมันยังคงมีงานสำคัญอีกหลายอย่างที่ต้องทำโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างชาวเยอรมันฝั่งตะวันออกกับตะวันตกในทางเศรษฐกิจและสังคม