เอเอฟพี - ผลการศึกษา พบว่า ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในหมู่ประเทศใหญ่ๆ ในยุโรป ขณะที่ชาวอังกฤษ มีคุณภาพชีวิตแย่ที่สุด แม้ว่าจะมีรายได้สูงกว่า
ผลการศึกษาจาก uSwitch.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ให้ข้อมูลและราคาสินค้าและบริการของอังกฤษ เผยว่า คนงานชาวอังกฤษต้องทำงานมากกว่าคนงานชาวฝรั่งเศสเป็นเวลา 3 ปี แต่เสียชีวิตเร็วกว่า 2 ปี และต้องจ่ายค่าน้ำมัน อาหาร แอลกอฮอล์ และบุหรี่ มากกว่าอัตราเฉลี่ยของกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู)
ทั้งนี้ ศึกษาจากผลงานวิจัยที่เปรียบเทียบปัจจัยการใช้ชีวิต 17 ประการ ใน ฝรั่งเศส สเปน เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี โปแลนด์ อิตาลี สวีเดน ไอร์แลนด์ และ อังกฤษ
อังกฤษมีรายได้สุทธิในครัวเรือนสูงสุด คือ 35,730 ปอนด์ต่อปี มากกว่ามาตรฐานของอียูถึง 10,0000 ปอนด์ แต่ส่วนใหญ่ก็ถูกใช้จ่ายไปกับค่าครองชีพที่สูงกว่าประเทศอื่น ราคาน้ำมันไร้สารตะกั่วในอังกฤษ ยังสูงสุดเป็นอันดับสองในยุโรป ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลก็สูงกว่าเฉลี่ยมาตรฐานของอียู ทั้งอาหารก็แพงกว่า มีเพียงไอร์แลนด์และสวีเดนเท่านั้น ที่ต้องจ่ายค่าออกไปดื่มสังสรรค์สูงกว่า
ด้าน โปแลนด์ เป็นชาติที่มีชั่วโมงทำงานยาวนานที่สุดในหมู่ 10 ประเทศนี้ แต่ก็ได้ค่าจ้างสูงสุดในอันดับต้นๆ ด้วย ขณะที่คนงานอังกฤษทำงาน 37 ชั่วโมงต่อสัปดาห์โดยเฉลี่ย แต่ก็มีวันหยุดน้อยที่สุด
นอกจากนี้ อังกฤษยังอยู่ในท้ายตารางเมื่อพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายทางการศึกษาและสาธารณสุขตามสัดส่วนของจีดีพี ตลอดจนอัตราอายุขัยโดยเฉลี่ยก็ต่ำ และได้ออกไปรับแสงแดดน้อยกว่าชาติอื่นๆ ด้วย
ตรงกันข้าวกับชาวฝรั่งเศสที่เกษียณเร็วกว่า อายุยืนมากกว่า และได้หยุดโดยรับค่าจ้างมากกว่า และสูงสุดในหมู่ 10 ชาตินี้ โดยพบว่า ขณะที่ได้ค่าจ้างน้อยกว่า แต่ราคาอาหาร แอลกอฮอล์ ค่าไฟฟ้า และน้ำมันในฝรั่งเศสก็ต่ำที่สุด
แอน โรบินสัน ผู้อำนวยการด้านนโยบายบริโภคของยูสวิตช์ กล่าวว่า รายได้ที่สูงของชาวอังกฤษทำให้พวกเขามีชีวิตในระดับมาตรฐานที่เหมาะสมเท่านั้น และไม่ได้ช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนกับในประเทศอื่นๆ ทั้งยังเตือนว่า คุณภาพชีวิตในอังกฤษอาจจะแย่ลงอีก เพราะภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งทำให้มีคนว่างงานสูงถึงเกือบ 2.5 ล้านคน และจะทำให้มีการลดค่าใช้จ่ายสาธารณะลงในที่สุดอีกด้วย