เอเจนซี - สหประชาชาติระบุในรายงานประจำปีที่นำออกเผยแพร่วันพุธ (2) ว่า การปลูกฝิ่นในอัฟกานิสถานลดลงราว 22 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ เนื่องจากราคายาเสพติดดังกล่าวลดลง เกษตรกรจึงเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นที่มีราคาดีกว่าแทน
สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโอดีซี) รายงานว่าในปีนี้มีชาวอัฟกันปลูกฝิ่นน้อยลงกว่าเมื่อปีที่แล้วถึงราว 800,000 คน จึงอาจนับเป็นข่าวดีสำหรับโลกตะวันตกที่ทำสงครามสู้รบกับกลุ่มตอลิบานมานานถึง 8 ปีแล้ว
ที่ผ่านมา การค้าฝิ่นเป็นแหล่งเงินสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบ และยังทำให้เกิดการคอร์รัปชั่นและอาชญากรรมตามมา อีกทั้งเป็นการทำลายรัฐอัฟกานิสถาน ซึ่งโลกตะวันตกพยายามเข้าไปสนับสนุนให้เกิดประชาธิปไตยขึ้นด้วย
อัฟกานิสถานเป็นแหล่งปลูกฝิ่นถึงราว 90 เปอร์เซ็นต์ของทั่วโลกมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่การเพาะปลูกฝิ่นเริ่มลดลงตั้งแต่ปี 2007 โดยเฉพาะในจังหวัดเฮลมานด์ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปลูกฝิ่น และก็เป็นบริเวณที่มีการสู้รบอย่างรุนแรงและเป็นเป้าหมายสำคัญของกองกำลังสหรัฐฯ และอังกฤษ
ยูเอ็นโอดีซีรายงานว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการเพาะปลูกฝิ่นลดลงถึงหนึ่งในสามโดยปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 69,833 เฮกตาร์ จาก 103,590 เฮกตาร์ในปี 2008
การที่ราคาฝิ่นตกลงทำให้มูลค่าผลผลิตฝิ่นโดยรวมของอัฟกานิสถานลดลงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ 438 ล้านดอลลาร์ โดยฝิ่นทำรายได้ให้อัฟกานิสถานลดลงเหลือเพียง 4 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี จากราว 7 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีในปี 2008 โดยที่เคยสูงถึง 27 เปอร์เซ็นต์ในปี 2002
ยูเอ็นโอดีซีระบุด้วยว่าอาจจะยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าการปลูกและผลิตฝิ่นจะลดลงในระยะยาว และที่สำคัญคือยังมีสต็อกฝิ่นอยู่ทางภาคใต้รวมทั้งในปากีสถาน ซึ่งมากพอที่จะสนับสนุนพวกก่อการร้ายทั่วโลก