เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์(28) ท่ามกลางการฟื้นตัวทางอุปสงค์ในเอเชียและข้อมูลเศรษฐกิจอันสดใสในยุโรปที่เพิ่มความหวังว่าเศรษฐกิจโลกกำลังหลุดพ้นจากภาวะถดถอย ขณะที่วอลล์สตรีทปิดผสมผสาน เหตุแม้มีปัจจัยบวกจากตัวเลขผู้บริโภคมะกันเดือนกรกฏาคม ทว่าในส่วนของรายได้ส่วนบุคคลนั้นกลับไม่เพิ่มจากเดิม
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ ปิดที่ 72.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ ปิดที่ 72.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
"ข้อมูลเศรษฐกิจที่หลั่งไหลมายังคงอยู่ในทิศทางบวกอย่างมั่นคง" นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์แคปิตอลกล่าว "ขณะเดียวกันในตลาดน้ำมัน ก็ยังพบหลักฐานการฟื้นตัวทางอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในชาติเอเชีย"
ข้อมูลทางเศรษฐศาสตร์ระดับมหภาคต่างๆได้สนับสนุนการมองในทิศทางบวกว่าสัญญาณแห่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกกำลังเจริญเติบโต จุดประกายให้เกิดความหวังด้านอุปสงค์ทางพลังงาน
ขณะที่ในยุโรป ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของ 16 ชาติสมาชิกยูโรโซน เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือนสิงหาคม
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์(28) ปิดผสมผสาน หลังได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขผู้บริโภคมะกันเดือนกรกฏาคม แต่ความสดชื่นของนักลงทุนก็ถูกฉุดรั้งไว้โดยรายได้ส่วนบุคคลของชาวมะกันที่ไม่เปลี่ยนแปลง ผิดกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 36.43 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,544.20 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 1.04 จุด (0.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,028.77 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 2.05 จุด (0.28 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,028.93 จุด
ช่วงก่อนเปิดตลาด กระทราวงพาณิชย์รายงานว่าตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 3 เดือนติดต่อกันในเดือนกรกฎาคม ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลยังคงเดิม
การใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งนับว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจากคิดเป็นสัดส่วนถึง 2 ใน 3 หรือราว 70 เปอร์เซ็นต์ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดในประเทศ -- เพิ่มขึ้น 0.2 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกรกฎาคม ตามขอบเขตที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ ส่วนรายได้ส่วนบุคคลยังคงเดิม ผิดกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1 เปอร์เซ็นต์
อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์(28) คือกรณีมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯโดยระบุความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับ 65.7 จุด ในเดือนสิงหาคม จาก 66.0 จุด ในเดือนกรกฎาคม แต่ก็ยังถือว่ามากที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะทรุดลงมาแตะระดับ 64.0 จุด เลยทีเดียว