เอเอฟพี/เอเจนซี - ทางการอินเดียเมื่อวันพุธ(12) มีคำสั่งปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทุกแห่งในมุมไบเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ท่ามกลางความหวั่นกลัวเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสเอช1เอ็น1 ขณะที่ WHO แนะย้ำให้ใช้ยาต้านไวรัสทามิฟลูกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 ที่มีอาการหนัก แม้จะมีผลการศึกษาเตือนเรื่องการใช้ยาทามิฟลูในเด็กก็ตาม
รัฐบาลแห่งรัฐมหาราษฏระ กลายเป็นรัฐที่มีอัตราการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่รุนแรงที่สุดในอินเดีย และมีผู้หญิงสองราย อายุ 63 และ 53 ปี เสียชีวิตในมุมไบหลังได้พบว่าติดเชื้อไวรัสเอช1เอ็น1 "รัฐบาลตัดสินใจปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัยและการฝึกสอนต่างๆตลอดทั้งเมืองเป็นเวลา 1 สัปดาห์เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดี(13)"
โฆษกของคณะรัฐมนตรีแห่งรัฐบอกต่อว่า "เราพบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในรัฐแห่งนี้ เราจำเป็นต้องใส่ใจ ด้วยเหตุนี้จึงต้องออกมาตรการป้องกันไว้ก่อน" เขากล่าว พร้อมระบุว่าโรงละครและโรงภาพยนตร์ทุกแห่งก็จะปิดบริการเป็นเวลา 3 วันเช่นกัน
มุมไม บ้านของอุตสาหกรรมภาพยนตร์บอลลีวูด เป็นเมืองที่คับคั่งไปด้วยอุตหกรรมต่างๆและเป็นศูนย์กลางทางการเงินของอินเดีย และมีพลเรือนอาศัยอยู่ประมาณ 18 ล้านคน ขณะเดียวกันเมืองแห่งนี้ก็เป็นที่ตั้งของโรงเรียนราว 1,100 แห่งและวิทยาลัยอีก 350 แห่ง รวมไปถึงสถาบันการศึกษาเอกชนอีกจำนวนมาก
ความกังวลของสาธารณชนอินเดียต่อการแพร่ระบาดของไวรัสเอช1เอ็น1 เพิ่มสูงขึ้น นับตั้งแต่พบผู้เสียชีวิตจากเชื้อหวัดมรณะนี้รายแรกของประเทศเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม
สื่อมวลชนแห่งหนึ่งของอินเดียรายงานว่า จนถึงวันพุธ(12) มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แล้วมากกว่า 1,000 คน ในจำนวนนั้นเสียชีวิต 15 ราย แต่ทางกระทรวงสาธารณสุขอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตเพียง 9 ราย
ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ในอินเดียเป็นกลุ่มบุคคลที่เดินทางกลับมาจากต่างแดน ดังนั้นผู้คนหลายแสนคนที่เดินทางมาจากประเทศที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ จะถูกตรวจวัดอุณหภูมิหาผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ ณ สนามบินนานาชาติทุกแห่งของอินเดีย
ขณะเดียวกันทางการอินเดียยังได้จัดตั้งสายด่วน 24 ชั่วโมงและเว็บไซต์คอยให้คำปรึกษา รวมถึงจัดตั้งโรงพยาบาลสาธารณะขึ้นมาสำหรับรับผิดชอบตรวจและกักตัวผู้ต้องสงสัยโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังส่งยาต่อต้านไวรัสทามิฟลูกว่า 100,000 โดสไปให้แก่เมืองต่างๆที่ได้รับผลกระทบ
ด้านสถานีเคเบิลทีวีซึ่งมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดในอินเดีย ก็ต่างอุทิศเวลาหลายชั่วโมงสำหรับออกอากาศนำเสนอข่าวเกี่ยวกับไวรัส โดยบ่อยครั้งที่เห็นผู้สื่อข่าวสวมหน้ากากและยืนอยู่ด้านหน้าประชาชนที่ต่อแถวกันยาวเหยียดด้านนอกโรงพยาบาลเพื่อรอตรวจอาการไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่
องค์การอนามัยโลกแถลงเมื่อวันอังคาร(11) ว่ายอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วโลกได้เพิ่มเป็น 1,462 รายแล้ว นับตั้งแต่ไวรัสตัวนี้ปรากฏตัวในเม็กซิโกและสหรัฐฯในเดือนเมษายน
ด้วยจากการที่โรงพยาบาลส่วนมากเนืองแน่นไปด้วยผู้คน ทำให้ครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิตรายแรกในอินเดีย -- เด็กหญิงวัย 14 ปี -- กล่าวหาแพทย์ว่าขาดความเอาใจใส่และเรียกร้องเงินชดเชย 50 ล้านรูปี(ราว 1 ล้านดอลลาร์) ในข้อหาให้การรักษาเธออย่างล่าช้าและผิดพลาด
ทั้งนี้ในวันพุธ(12) องค์การอนามัยโลก ย้ำข้อแนะนำให้ใช้ยาต้านไวรัสทามิฟลูกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่มีอาการหนัก แม้จะมีผลการศึกษาเตือนเรื่องการใช้ยาทามิฟลูในเด็ก
องค์การอนามัยโลก แถลงว่า ยังคงแนะนำให้ใช้ยาต้านไวรัสทามิฟลูในการรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่มีอาการหนัก หรือผู้ป่วยที่เสี่ยงจะเกิดอาการแทรกซ้อน อย่างไรก็ดี ย้ำว่าไม่ควรใช้ยาทามิฟลูกับผู้ที่แสดงอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการไม่รุนแรง
ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์บริติช เมดิคัล เจอร์นัล เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ระบุว่า ไม่ควรให้ยาทามิฟลูกับเด็กที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เพราะอาจส่งผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายมากกว่าผลดี อย่างไรก็ดี การศึกษาไม่ได้ครอบคลุมไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดในปัจจุบัน แต่แนะว่า ยาต้านไวรัสอาจไม่ช่วยย่นเวลาของการป่วย หรือป้องกันอาการแทรกซ้อนในเด็กที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1