xs
xsm
sm
md
lg

ดาวโจนส์ทะยานสูงสุดในรอบปีจากข้อมูลแรงงาน-น้ำมันปรับลด$1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรยากาศในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ในวันที่การซื้อขายสดใสหลังได้ปัจจัยบวกจากภาคแรงงาน
เอเอฟพี - ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์(7) ปิดในแดนบวกถ้วนหน้า โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ก้าวไปแตะระดับสูงสุดในรอบปี หลังข้อมูลภาคแรงงานดีเกินความคาดหมาย ส่งสัญญาณว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยอันเจ็บปวดและยาวนานอาจเลี้ยวกลับแล้ว ขณะที่ราคาน้ำมันกลับปรับลดกว่า 1 ดอลลาร์เหตุมีแรงฉุดจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 112.00 จุด (1.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,368.26 จุด สูงสุดนับตั้งแต่ปิดที่ระดับ 9,370.07 จุด เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน แนสแดค เพิ่มขึ้น 27.09 จุด (1.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,000.25 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 13.40 จุด (1.34 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,010.48 จุด

ในช่วงต้นของการเปิดตลาด การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน ทว่าไม่นานก็ดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง จนทำให้ดาวโจนส์ปิดตัวขยับขึ้น 4 สัปดาห์ติดต่อกันและทะยานจากระดับต่ำสุดในช่วงต้นเดือนมีนาคม เกือบ 45 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

ตลาดได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคแรงงานของสหรัฐฯ ที่พบว่าตัวเลขคนว่างงานลดลงอย่างไม่คาดฝันสู่ระดับ 9.4 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกรกฎาคม ขณะเดียวกันยอดคนที่ถูกปลดจากงานในรอบเดือนที่ผ่านมา ก็ลดลงเหลือ 247,000 ตำแหน่ง

ข้อมูลดังกล่าวนับว่าดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์เอกชนคาดหมายไว้ โดยนักวิเคราะห์คาดคะเนว่าในเดือนกรกฎาคม จะมีคนถูกปลดจากงาน 325,000 ตำแหน่ง และตัวเลขคนว่างงานจะเพิ่มเป็น 9.6 เปอร์เซ็นต์ จากระดับ 9.5 เปอร์เซ็นต์ในเดือนมิถุนายน

ด้านราคาน้ำมันเมื่อวันศุกร์(7) ปรับตัวลดลงราว 1 ดอลลาร์ จากการแข็งค่าของดอลลาร์ ที่สะกดผลกระทบจากข้อมูลภาคแรงงานอันดีเกินความคาดหมายในสหรัฐฯ ชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก

น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.01 ดอลาร์ ปิดที่ 70.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเมื่อวันพฤหัสบดี(6) ทะยานขึ้นไปถึง 72.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ ขณะที่เบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 73.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากก้าวไปแตะ 76.00 ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดี(6) สูงสุดในรอบ 10 เดือน

อนึ่งการลดลงของราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินอื่นๆ ทั้งนี้กรณีดอลลาร์แข็งค่าทำให้โภคภัณฑ์ราคาแพงขึ้น ซึ่งลดความน่าดึงดูดใจให้นักลงทุนเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร
กำลังโหลดความคิดเห็น