xs
xsm
sm
md
lg

พบหวัดใหญ่เอ "สายพันธุ์ใหม่"ในแคนาดา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นักวิทยาศาสตร์แคนาดากำลังตรวจดีเอ็นเอสำหรับเชื้อไวรัสเอเอช1เอ็น1 ขณะที่มีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ แบบใหม่ ภายในประเทศ
เอเอฟพี/เอเจนซี - แคนาดายืนยันพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ "แบบใหม่" โดยน่าจะติดเชื้อมาจากหมู แม้ยืนยันด้วยว่าไวรัสนี้จะไม่มีการระบาดอย่างกว้างขวางทั่วโลก ส่วนในอีกด้านหนึ่ง องค์การอนามัยโลกก็แถลงว่า พวกไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (เอช1เอ็น1) ที่มีการดื้อยา "ทามิฟลู"ในหลายประเทศนั้น ดูจะไม่ถึงกับระบาดแพร่หลายหรือถึงขั้นน่าวิตกแต่อย่างใด จึงยังไม่ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีรักษาผู้ป่วย

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแคนาดายืนยันว่า พบคนงาน 2 คนในฟาร์มหมูที่รัฐชัสแคตเชวัน ทางตอนกลางของประเทศ ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอแบบใหม่ ซึ่งไม่ใช่แบบที่มีการระบาดอย่างกว้างขวางทั่วโลก นอกจากนั้นยังกำลังติดตามตรวจสอบผู้ป่วยรายที่ 3 ด้วย อย่างไรก็ตาม คนงานเหล่านั้นต่างมีอาการหายดีแล้ว

เลโอนา อักลุกคัก รัฐมนตรีสาธารณสุขแคนาดาแถลงว่า เจ้าหน้าที่กำลังประสานงานกับทางรัฐชัสแคตเชวันอย่างใกล้ชิด เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเชื้อไวรัสแบบใหม่นี้ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

ทั้งนี้จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า มีความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนในระดับต่ำ และชาวแคนาดาที่ได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามปกติหรือตามฤดูกาล จะพอมีภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสใหม่นี้อยู่บ้าง รัฐมนตรีหญิงผู้นี้ระบุในคำแถลง

ทางด้านองค์การสาธารณสุขแห่งแคนาดา (พีเอชเอซี) แจ้งว่า ห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยา ในเมืองวินนิเพก รัฐแมนิโทบา ค้นพบว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ชนิดนี้ ประกอบด้วยยีนต่าง ๆ จากเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลของมนุษย์ และจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่หมู

อย่างไรก็ตาม พีเอชเอซีเน้นย้ำว่า ไวรัสแบบใหม่นี้ ไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (เอช 1เอ็น 1) ที่กำลังระบาดไปทั่วโลกอยู่ในปัจจุบัน

***หวัดสายพันธุ์ใหม่ในแคนาดาน่าจะหยุดอยู่แค่นี้***

พวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแคนาดาต่างให้ความเห็นว่า ความเสี่ยงที่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่พบในแคนาดาจะระบาดกว้างขวางออกไปนั้น ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้

* คนและหมูสามารถติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์เดียวกันได้ แต่ปกติแล้วเมื่อคนติดเชื้อมาจากสัตว์ เชื้อไวรัสจะหยุดอยู่แค่นั้น ไม่มีการแพร่ต่อไประหว่างคนสู่คน ยกเว้นแต่ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ (เอช 1เอ็น 1) ที่กำลังระบาดอย่างกว้างขวางอยู่ในปัจจุบัน เพราะเชื้อไวรัสดังกล่าวสามารถติดต่อจากคนสู่คน

* เจ้าหน้าที่แคนาดาเผยว่า คนงานในฟาร์มหมูทั้งสองคนน่าจะติดเชื้อไวรัสจากหมู โดยตรวจพบหมูบางตัวในฟาร์มติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ด้วย

* เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช 1เอ็น 1) ไม่เคยติดต่อสู่หมูตัวใด โดยหลังจากเกิดการระบาดจากคนสู่คนแล้ว จึงได้พบในหมู

* ในทางตรงกันข้าม กรณีที่คนติดเชื้อจากหมูโดยตรง ก็ไม่เคยระบาดต่อไปสู่ประชาชนทั่วไป โดยเท่าที่ทราบกันเป็นอย่างดีนั้น เชื้อไวรัสจะหยุดอยู่แค่คนที่ติดจากหมูเท่านั้น

***ฮูชี้เชื้อหวัดดื้อยายังไม่แพร่ระบาด***

ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (เอช1เอ็น1) ที่ดื้อยาทามิฟลู ดูเหมือนจะไม่ระบาดแพร่ไปทั่วหรือน่าวิตกแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก (ฮู) รายงานในวันอังคาร(7)

"ถึงตรงนี้เราไม่แนะนำให้เปลี่ยนแปลงวิธีทางการแพทย์ใด ๆ ในการรักษาผู้ป่วย"เคอิจิ ฟูกูดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการการองค์การอนามัยโลกกล่าว หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช1เอ็น1ที่ดื้อยาทามิฟลู 3 ราย ในเดนมาร์ก ญี่ปุ่นและฮ่องกง

"ตัวอย่างการดื้อยาต้านไวรัสในตอนนี้ ยังพบแบบนาน ๆ ครั้ง เรายังไม่พบหลักฐานการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดดื้อยาต้าน" เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลกกล่าว

***ออสเตรเลียมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 5 ราย***

ออสเตรเลียมีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเชื้อหวัด 2009 เพิ่มอีก 5 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตในประเทศขยับเป็น 18 รายแล้ว

เหยื่อ 4 ราย เสียชิวิตเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาที่รัฐวิคตอเรีย ส่วนรายที่ 5 เสียชีวิตที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ เจ้าหน้าที่หลายคนบอก

"ผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย มีอาการทางสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว ส่งผลให้ติดเชื้อแทรกซ้อนได้ง่าย"โรเซมารี เลสเตอร์ รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐวิคตอเรียกล่าว

***ปารากวัยผ่านกม.ฉุกเฉินรับมือหวัด 2009***

ปารากวัยผ่านกฎหมายฉุกเฉินในวันอังคาร (7) เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายในประเทศ

ตอนนี้ปารากวัยพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1เอ็น 1 ทั้งสิ้น 110 ราย ทั้งนี้จากข้อมูลของทางการ

วุฒิสภาและสภาล่างของปารากวัยผ่านกฎหมาย ที่ให้อำนาจพิเศษแก่ประธานาธิบดีเฟอร์นันโด ลูโก ในการรับมือกับโรคหวัด 2009 ซึ่งกำลังระบาดทั่วโลก

กฎหมายฉบับดังกล่าวอนุญาตให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขใช้เงินจำนวน 19.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากงบประมาณของประเทศ ในการสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ซึ่งจะช่วย "ยกระดับความสามารถด้านการบริการในโรงพยาบาล" เอสเปรันซา มาร์ติเนซ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น