เอเจนซี - คอลเลกชันผลงานของ “เดอะ บีเทิลส์” 267 เพลงที่ส่วนใหญ่แต่งโดยจอห์น เลนนอน และพอล แมคคาร์ตนีย์ กำลังอยู่บนเส้นทางอันยาวไกลและไร้ความแน่นอนในเรื่องสิทธิความเป็นเจ้าของ หลังการจากไปกะทันหันของไมเคิล แจ็กสัน
ในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา ราชาเพลงป็อปผู้นี้และบริษัทโซนี่ มิวสิค ที่อยู่ในเครือโซนี่ คอร์ป ได้เป็นผู้ดำเนินงานกิจการร่วมทุนที่ใช้ชื่อว่า โซนี/เอทีวี มิวสิก พับลิชชิง โดยกิจการร่วมทุนแห่งนี้เป็นเจ้าของหรือไม่ก็เป็นผู้บริหารลิขสิทธิ์งานเพลงราว 750,000 เพลง ที่แต่งโดยศิลปินดัง อาทิ บ็อบ ดีแลน, นีล ไดมอนด์, เทย์เลอร์ สวิตฟ์ และโจนาส บราเธอร์ส ไม่เพียงแค่ผลงานของ “เดอะ บีเทิลส์” เท่านั้น
นักวิเคราะห์ประเมินว่า โซนี่/เอทีวี มิวสิก พับลิชชิง มีมูลค่าอย่างน้อย 1,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้แจ็กสันถือเป็นศิลปินที่มองการณ์ไกลอย่างมากคนหนึ่ง การลงทุนเริ่มแรกของเขาเพียง 47.5 ล้านดอลลาร์ในปี 1985 ได้ผลตอบแทนคืนกลับมาหลายเท่าตัว
ทั้งนี้ ธุรกิจเผยแพร่ดนตรี (music publishing) เท่ากับการถือใบอนุญาตเพื่อการทำเงินโดยแท้ เพราะแม้เป็นกิจการที่ไม่น่าตื่นเต้นเหมือนด้านการบันทึกเสียงที่กำลังถูกคุกคามจากเทปผีซีดีเถื่อน แต่ก็เกี่ยวข้องกับค่าลิขสิทธิ์จากช่องทางมากมาย ทั้งการดาวน์โหลด, การออกอากาศทางวิทยุ, และวิดีโอเกม
แต่ตอนนี้เรื่องผลประโยชน์จากส่วนที่แจ็กสันถือหุ้นอยู่ในโซนี/เอทีวี กลับกำลังกลายเป็นปริศนาไม่มีความแน่ชัด โดยเมื่อดูตามสำนวนคำฟ้องในคดีเมื่อปี 2002 เจ้าหนี้ระบุว่า เจ้าของท่าเต้นมูนวอล์กเกอร์ที่กลายเป็นตำนานของโลก กู้เงินไปทั้งสิ้น 270 ล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีก่อนหน้านั้น โดยนำหุ้นในโซนี่/เอทีวี และลิขสิทธิ์งานเพลงของตัวเองเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
แจ็กสันใช้ชีวิตอย่างหรูหรา แม้เสน่ห์ดึงดูดทางธุรกิจจืดจางลงหลังถูกกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศเด็ก และรสนิยมทางดนตรีที่เปลี่ยนไป ปี 2005 หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เงินสดสำรองของแจ็กสันลดฮวบจนเจ้าตัวเริ่มกังวลแม้แต่เรื่องการจ่ายค่าไฟ และเมื่อต้นเดือนนี้ วอลล์สตรีท เจอร์นัลยังรายงานว่า ราชาเพลงป๊อปเป็นหนี้ราว 500 ล้านดอลลาร์
เรอเน แก็บบาร์ด จากบริษัทกฎหมายพอล, แฮสติ้ง, จานอฟสกี้ แอนด์ วอล์กเกอร์ ในแคลิฟอร์เนีย ระบุว่าสถานะการเงินของแจ็กสันจะปรากฏชัดเจนขึ้นหลังเสร็จสิ้นกระบวนการจัดการมรดกที่ปกติกินเวลา 18 เดือน
แก็บบาร์ด ซึ่งมีลูกค้ามากมายที่มีทรัพย์สินเกี่ยวข้องในวงการบันเทิง เสริมว่าผู้จัดการมรดกของแจ็กสันจะเป็นผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน โดยที่จะต้องยื่นคำร้องขอภาษีมรดกคืน และเชิญเจ้าหนี้มาแจกแจงบัญชีหนี้สิน
ขั้นตอนในการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน โดยเฉพาะทรัพย์สินทางปัญญา เช่น ลิขสิทธิ์เพลง เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากและใช้เวลาพอสมควร ทนายความหญิงผู้นี้กล่าว
แจ็กสันและโซนี่ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งนี้ขึ้นในปี 1995 โดยที่แจ็กสันมอบเพลงของเอทีวี ซึ่งมีประมาณ 4,000 เพลง รวมถึงผลงานของสี่เต่าทอง ให้บริษัทร่วมทุนบริหารจัดการ
ทั้งนี้ แจ็กสันซื้อเอทีวีมาเมื่อทศวรรษที่แล้วจากโรเบิร์ต โฮล์มส์ นักธุรกิจออสเตรเลีย หลังจากเสนอราคาประมูลสูงกว่าแมคคาร์ทนีย์
หุ้นของแจ็กสันทั้งในโซนี่/เอทีวี และไมแจ็ค ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ผลงานของตัวเขาเอง เป็นของกองทุนทรัสต์หลายแห่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะสามารถเพิกถอนสิทธิ์ทรัสต์เหล่านั้นได้หรือไม่ โดยแก็บบาร์ดบอกว่า หากทำได้ก็จะมีการดำเนินการเพื่อหาทางสะสางหนี้กับเจ้าหนี้ต่อไป
ทั้งนี้ทั้งนั้น มรดกของแจ็กสัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทเผยแพร่ผลงานเพลงจะต้องถูกหักภาษีให้แก่รัฐบาลก่อน ทรัพย์สินที่เหลือจึงจะสามารถนำไปแจกจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ เหลือจากนั้นจึงนำมาแยกฝากในทรัสต์สำหรับผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะหมายถึงลูกๆ ของแจ็กสัน