เอเอฟพี/ อัลญะซีเราะห์/ บีบีซี – ทั่วโลกยกย่องสุนทรพจน์ครั้งประวัติศาสตร์ต่อโลกมุสลิมของผู้นำสหรัฐฯ แม้แต่แกนนำกลุ่มติดอาวุธฮามาส ฮิซบอลเลาะห์ และกลุ่มหัวรุนแรงในอิรักก็ออกมาแสดงความชื่นชมด้วยแต่ปฏิกิริยาในสหรัฐฯกลับมองว่าเป็นการแสดงความอ่อนแอไร้น้ำยา
บุคคลสำคัญทั่วโลกออกมาชื่นชมสุนทรพจน์ประธานาธิบดี บารัค โอบามาต่อโลกมุสลิมที่มหาวิทยาลัยไคโรเมื่อวันพฤหัสบดี(4)โดยบันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติระบุสุนทรพจน์ของโอบามาช่วยสร้างความหวังให้โลกเริ่มมองเห็น “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของกระบวนการสันติภาพตะวันออกกลาง”
ฟรังซิสโก ฆาเบียร์ โซลานา ประธานนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปให้สัมภาษณ์ที่กรุงมาดริดในสเปนยกย่องสุนทรพจน์ของโอบามาเป็นหนึ่งในสุนทรพจน์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์และเชื่อว่าจะนำไปสู่การยุติความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์พร้อมยืนยันสหภาพยุโรปจะเป็นหนึ่งเดียวกับสหรัฐฯในการผลักดันสันติภาพตะวันออกกลาง
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลซึ่งเพิ่งออกมาวิจารณ์โอบามาที่พยายามกดดันให้อิสราเอลยุติการขยายนิคมชาวยิวในเขตเวสต์แบงค์ของปาเลสไตน์ระบุว่า ยินดีกับท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ พร้อมยืนยันจะสนับสนุนแนวคิดการตั้งรัฐปาเลสไตน์เต็มที่ หากบรรดาชาติอาหรับยอมรับสถานะของอิสราเอลในฐานะ“รัฐยิวในดงอาหรับ”
อาเมียร์ มุสซา เลขาธิการใหญ่สันนิบาตอาหรับชาวอียิปต์ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักวิจารณ์สหรัฐฯตัวยงให้สัมภาษณ์กับบีบีซีโดยเชื่อมั่นว่า ความตึงเครียดและการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯกับโลกมุสลิมได้สิ้นสุดลงแล้วและคงได้เห็นความสัมพันธ์เชิงบวกนับจากนี้
ฟอว์ซี บารุม โฆษกกลุ่มฮามาสออกมาแถลงที่กาซา ซิตี ในฉนวนกาซาว่า ประหลาดใจกับท่าทีของโอบามาแต่กลุ่มฮามาสก็ยินดี และพร้อมร่วมผลักดันกระบวนการสันติภาพตะวันออกกลางหากโอบามานำสิ่งที่พูดมาปฏิบัติให้เกิดผล บารุมยังระบุว่าโอบามาถือเป็นผู้นำชาติตะวันตกคนแรกที่เห็น“คุณค่าความเป็นมนุษย์”ของชาวปาเลสไตน์
ขณะที่ฮัสซัน ฟาดอลเลาะห์ แกนนำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนระบุว่า แม้สุนทรพจน์ของโอบามาจะไม่ส่งผลให้นโยบายต่างประเทศสหรัฐฯต่อตะวันออกกลางเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนักแต่ทางกลุ่มเริ่มมองเห็น“สัญญาณของความเปลี่ยนแปลง”มากขึ้น
ด้านมอกตาดา อัล ซาดร์ แกนนำกลุ่มชีอะห์หัวรุนแรงในอิรักระบุว่า ยินดีกับท่าทีแข็งกร้าวของสหรัฐฯต่ออิสราเอลแต่เรียกร้องให้เร่งถอนทหารอเมริกันจากอิรักและอัฟกานิสถาน
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาในสหรัฐฯ ต่อสุนทรพจน์ครั้งนี้ กลับออกมาในแง่ลบเป็นส่วนใหญ่โดยท็อดด์ เคนท์ ศาสตราจารย์ด้านการเมืองอเมริกันแห่งมหาวิทยาลัยเทกซัส เอแอนด์เอ็ม ระบุว่าสุนทรพจน์ครั้งนี้เป็นคำพูดเลื่อนลอย และไม่อาจตอบคำถามเรื่องความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับโลกมุสลิมอย่างตรงประเด็น เคนท์ระบุว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่เห็นว่าโอบามากำลัง“เดินผิดทาง”โดยเฉพาะการใช้ไม้แข้งกับพันธมิตรเก่าแก่อย่างอิสราเอล
โจนาห์ โกลด์เบิร์ก คอลัมนิสต์ชื่อดังแห่งยูเอสเอ ทูเดย์และนิวยอร์ก โพสต์ชี้ว่า สุนทรพจน์ของโอบามาเป็นการแสดง“ความอ่อนแออย่างถึงที่สุด”ของสหรัฐฯ และเต็มไปด้วย “คำขอโทษต่อศัตรูของชาติ” พร้อมระบุโอบามาเป็นผู้นำไร้น้ำยาที่สุดนับจากประธานาธิบดีลินดอน จอห์นสันซึ่งทำพลาดครั้งใหญ่ในสงครามเวียดนาม
ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกันโดยสถานีโทรทัศน์ฟอกซ์ระบุว่า ร้อยละ 57 ของชาวอเมริกันเริ่มกังวลกับนโยบายของโอบามาต่ออิหร่านและอัฟกานิสถานหลังการกล่าวสุนทรพจน์ ส่วนร้อยละ43รับไม่ได้ที่โอบามากล่าวขอโทษโลกมุสลิมจากการกระทำของสหรัฐฯในอดีต
