เอเอฟพี - มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลก แถลงเมื่อวันพุธ (28) ว่า ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องลดเรตติ้งของสหรัฐฯที่อยู่ในระดับ AAA แม้ว่าสหรัฐฯจะกำลังเผชิญหน้ากับความทรุดตัวด้านเศรษฐกิจอย่างรุนแรงอยู่ในขณะนี้ก็ตาม
“แม้ฐานะด้านหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯจะเสื่อมทรามลงอย่างมาก แต่อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯยังคงมีทิศทางแนวโน้มซึ่งคงที่ และยังสมควรที่จะให้อันดับ AAA แก่รัฐบาลสหรัฐฯ” มูดีส์ กล่าวในรายงานประจำปีว่าด้วยสหรัฐฯ
บริษัทเครดิตเรตติ้งแห่งนี้ บอกว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯมีความหลากหลายและมีความทนทานต่อปัญหาสูง องค์กรภาครัฐต่างๆ ที่เข้มแข็ง รายได้ต่อหัวที่สูงมาก และสถานะหลักในเศรษฐกิจระหว่างประเทศ รวมไปถึงบทบาทของเงินดอลลาร์สหรัฐฯในฐานะที่เป็นสกุลเงินหลักในระบบเงินตราต่างประเทศสำรองของชาติต่างๆ ทั้งหมดนี้ต่างเป็นปัจจัยที่ทำให้สหรัฐฯยังคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือระดับสูงสุด
“มูดีส์ เห็นว่า จากปัจจัยเหล่านี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯจะกลับมามีความแข็งแกร่งอีกครั้ง หลังจากวิกฤตผ่านพ้นไปแล้ว โดยไม่ส่งผลสะเทือนถึงความแข็งแกร่งในเชิงโครงสร้างมากนัก” สตีเวน เฮสส์ รองประธานของมูดี้ส์ผู้เขียนรายงานชิ้นนี้ กล่าว
“บทบาทของดอลลาร์สหรัฐฯในฐานะที่เป็นเงินหลักในการแลกเปลี่ยนและซื้อขายระหว่างประเทศ ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่เข้ามาหนุนความสามารถในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเงินการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ” เขาบอก
ก่อนหน้านี้ มีการคาดเดากันมาก ว่า สหรัฐฯอาจจะต้องเผชิญหน้ากับการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ หลังจากที่ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) บริษัทเครดิตเรตติ้งรายที่สุดของโลกอีกแห่งหนึ่ง ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (21) ที่แล้ว ลดอันดับ “ทิศทางแนวโน้ม” ของรัฐบาลอังกฤษ จาก “คงที่” เป็น “ลบ” เนื่องจากปริมาณหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การถูกลดอันดับทิศทางแนวโน้มเป็นลบเช่นนี้ เท่ากับเตือนว่า อาจจะถูกอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ต่อไปในอนาคตอันใกล้นั่นเอง และจึงทำให้มีความสี่ยงที่ศูนย์กลางทางการเงินแห่งยุโรปอย่างเช่นอังกฤษ อาจจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อจากระดับทริปเปิ้ลเอลงมา
ข่าวลือเช่นนี้ทำให้ตลาดการเงินสหรัฐฯปั่นป่วน และรัฐบาลของประธานาธิบดี บารัค โอบามาต้องออกมาปัดเป่าข่าวนี้ไป “เราไม่มีความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอันดับความน่าเชื่อถือแต่อย่างใด” รอเบิร์ต กิบส์ โฆษกรัฐบาล กล่าว
แต่ มูดีส์ ยอมรับว่า หนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐฯเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล หลังจากออกมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นการเติบโตรวมทั้งสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบการเงิน และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษก็ส่งผลให้รัฐบาลจะมีปัญหาการเงินเพิ่มขึ้นในอนาคต