ซีเอ็นเอ็น - โอปราห์ วินฟรีย์ บุกสัมภาษณ์ มิเชล โอบามา ถึงถิ่นทำเนียบขาว โดยบทสัมภาษณ์นี้ลงพิมพ์ในนิตยสาร “O, The Oprah Magazine” ฉบับเดือนเมษายนนี้ เจ้าแม่ทอล์กโชว์แห่งสหรัฐฯชื่นชมเธออย่างยิ่งว่าเป็นกันเองและทำให้ความขรึมขลังของทำเนียบดูผ่อนคลายลง
การพูดคุยครั้งนี้รวมถึงการแวะไปห้องทำงานรูปไข่ การออกกำลังกาย และความเพลิดเพลินกับขนมพายของทำเนียบขาว รวมทั้งเธอยังบอกด้วยว่าอยากให้ลุกของเธอถูกเลี้ยงแบบเด็ก ไม่ใช่แบบเจ้าหญิง
สำหรับเกียรติภูมิอันสูงส่งจากทำเนียบขาว สตรีหมายเลข 1 ได้ซึมซาบกับมันด้วยสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าสัมผัสได้ เพราะการปรากฏตัวทำให้สถานที่แห่งนี้ดูเปิดกว้างและเข้าถึงได้ เมื่อเรานังลงเพื่อคุยกัน มิเชล โอบามา ดูผ่อนคลายพอๆ กับครั้งแรกที่ฉันได้สัมภาษณ์เธอและสามีของเธอเป็นครั้งแรกที่อพาร์ตเมนท์ของพวกเขาในนครชิคาโกในปี 2004 “ห้องนี้เป็นห้องที่แสงดีที่สุด” เธอบอกกับฉันขณะที่เราก้าวเข้าไปข้างใน ถอดรองเท้า นังบนโซฟาที่แสนสบาย “มีพายที่นี่ด้วย พายในทำเนียบขาวนี้ช่างดีอย่างเหลือร้าย” --โอปราห์ วินฟรีย์
โอปราห์ : คุณแตกต่างไปกว่าเดิมมากน้อยแค่ไหนจากสิ่งที่คุณเคยเป็นนับจาก บารัค โอบามาประกาศการชิงลงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2007
มิเชล : ฉันมองโลกแง่ดีขึ้น มีความหวังขึ้น มันมาจากการได้ตระเวนทั่วอเมริกาและการได้ติดต่อกับผู้คนที่หลากหลายมาก และสิ่งนี้มันยาวนานมากก่อนที่ใครจะคิดว่าบารัคจะได้โอกาส นี่เป็นไมตรีจากคนแปลกหน้า ฉันคิดว่าเราทั้งหมดควรจะรู้จักกันผ่านรอบๆ โต๊ะในห้องครัว มันได้เปลี่ยนฉัน มันช่วยให้ฉันได้ให้ประโยชน์จากความสงสัยใคร่รู้แก่ผู้อื่น
โอปราห์ : อะไรที่คุณเห็นว่าได้เปลี่ยนแปลงตัวคุณ
มิเชล : ฉันเห็นถึงค่านิยมร่วมกันของเรา โดยพื้นฐานแล้วเราต้องการสิ่งต่างๆ สำหรับตัวเราเองและกันและกัน เราต้องการให้ลูกของเราปลอดภัย และโตขึ้นมาอย่างมีศักยภาพและทะเยอทะยานจะมีชีวิตที่ดีกว่าเราบ้าง ไม่มีใครคอยมองหาของที่ให้เปล่าๆ คนต้องการแค่ความยุติธรรมและโอกาส
โอปราห์ : ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ เพราะคุณรู้อะไรไหม เราอยู่ในวัฒนธรรม “อเมริกันไอดอล” ที่ดูเหมือนว่าใครๆ ต่างต้องการที่จะถูกแสงสอปตไลท์สาดส่อง
มิเชล : นั่นไม่ใช้อเมริกาแบบที่ฉันมอง คนมีคุณค่าต่อสังคมของพวกเขา พวกเขาเป็นรากฐานกันและกัน แม้ว่าในที่ที่คนไม่ยอมรับฉันหรือไม่ได้เกี่ยวพันกับฉัน ฉันก็เดินออกมาและรู้สึกว่า “ว้าว มันสนุกจังเลย”
นั่นแหละที่เปลี่ยนฉัน และมันช่วนให้ฉันได้เตรียมกับสิ่งนี้ เพราะฉันคิดว่าถ้าคุณกำลังจะเป็นสตรีหมายเลข 1 คุณต้องเชื่อถึงความเป็นไปของสิ่งที่ประเทศนี้ยืนหยัดเพื่อ เราต้องมองมันด้วยการกระทำและรู้ว่าคุณกำลังทำเพื่ออะไร
โอปราห์ : น่าสนใจมาก มันมาจากการนั่งรอบโต๊ะครัวเหรอ พูดคุยเกี่ยวกับอะไร คุณได้เปลี่ยนแปลงการรัปประทานอาหารระหว่างการหาเสียงหรือเปล่า
มิเชล : เมื่อเราเริ่มต้นหาเสียง ความกังวลสำคัญของฉันคือว่าเราจะได้กินอย่างดีบนถนนหรือเปล่า ดังนั้นเราจึงดูการกินของเรา พยายามเลี่ยงอาหารขยะ กินผักผลไม้ตามฤดูกาลที่ปลูกในท้องถิ่น เราบอกให้ลูกอ่านฉลาก และบอกว่าทำไมน้ำผลไม้นี้ขวดนี้น่าจะดีกว่าขวดอื่น
โอปราห์ : ถูกต้อง นอกจากการกินอาหารดีๆ แล้ว คุณออกกำลังการด้วยใช่ไหม
มิเชล : แน่นอน ที่นี่มียิมเล็กๆ ที่มีทุกอย่างที่เราต้องการ ฉันออกกำลังกายอาทิตย์ละ 4-5 วัน บารัค 6 วัน เขาคลั่งการออกกำลังกาย
โอปราห์ : อืม คุณดูดีกว่าเคยนะ แม้ว่าจะมีข่าวลือว่าท้องป่อง
มิเชล : (หัวเราะ) ฉันรู้ ฉันดูเหมือนคนท้องป่อง ฉันออกกำลังกล้ามหน้าท้องมากนะ
โอปราห์ : โอเค ฉันรู้แล้ว กลับไปเรื่องออกกำลังหาย คุณวิ่งกับเครื่องออกกำลังกายใช่ไหม
มิเชล : ฉันวิ่งกับเครื่องและก็เล่นเวต
โอปราห์ : ฉันคิดว่าคนที่เห็นคุณบนหน้าปกโว้ครู้นะว่าคุณเล่นเวต แขนอย่างนั้นน่ะ
มิเชล : ฉันกระโดดเชือกและชกมวยด้วย ฉันอยากจะเต้นพิลาธีสหากฉันมีเวลา หลังจากมีมาเลีย ฉันเริ่มจะจัดความสำคัญเรื่องการออกกลังกาย เพราะฉันตระหนักว่าความสุขของฉันผูกติดกับว่าฉันรู้สึกอย่างไร ฉันอยากให้ลูกๆ เห็นแม่ที่ดูแลตัวเอง แม้ว่ามันจะหมายความว่าฉันต้องลุกมาตอน 04.30 น.เพื่อจะได้ออกกำลังกาย
โอปราห์ : ตอนคุณบอกฉันครั้งแรกเมื่อสองสามปีก่อน ฉันทึ่ง “คุณลุกตอน 04.30 น.เพื่อออกกำลังกายเชียวเหรอ”
มิเชล อืมฉันเพิ่งเริ่มคิดนะว่า ถ้าเราต้องตื่นมาเพื่อไปทำงาน ฉันก็คงจะตื่นและก็ไปทำงาน ถ้าฉันตื่นขึ้นมาเพื่อดูแลลูก ฉันก็คงตื่นมาดูแลพวกเขา แต่เมื่อมาคิดถึงตัวเอง ทันใดนั้น “โอ๊ยฉันตื่นตอน 04.30 น.ไม่ได้” ดังนั้น ฉันต้องเปลี่ยน ถ้าฉันไม่ได้ออกกำลังกาย ฉันจะรู้สึกไม่ดี ฉันจะเศร้าซึม และแน่นอนว่า ที่นี่มันง่ายกว่ามาก เพราะตอนนี้ฉันได้รับการส่งเสริมมากกว่าแต่ฉันก็คิดอยู่เสมอเรื่องที่ผู้หญิงไม่มีการสนับสนุน และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมดุลยภาพระหว่างการทำงานและครอบครัวจึงไม่ใช่เพียงเป็นการสนทนาเท่านั้น เพราะมันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงความคาดหวังว่าเราจะเป็นอย่างไรในฐานะผู้หญิงและคู่ชีวิต
โอปราห์ : สิ่งที่คุณเอ่ยถึงก่อนหน้านี้เป็นกุญแจสำคัญ เราต้องขอความช่วยเหลือ คุณไม่สามารถทำทั้งหมดเองได้ มันเป็นไปไม่ได้
มิเชล : นั่นเป็นการสนทนาที่ฉันต้องการให้เรามีในสังคม เราสามารถตั้งความคาดหวังที่สามารถเอื้อมถึงได้มากน้อยแค่ไหน
โอปราห์ : แล้วอะไรล่ะที่คุณรู้แน่ๆ มิเชล
มิเชล : ฉันรู้ว่าที่ฉันทำได้ทั้งหมดคือการเป็นฉันได้อย่างดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ใช้ชีวิตอย่างเพลิดเพลิน และการให้คืนเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ ฉันจะร่วมแบ่งปันประสบการณ์นี้กับชาวอเมริกันได้อย่างไรรั้นเป็นสิ่งที่ฉันคิดอยู่เสมอ




