ซีเอ็นเอ็น/เอเจนซี - อิหร่านยืนยันจะส่งทูตเข้าร่วมประชุมนานาชาติที่สนับสนุนโดยสหรัฐฯ ว่าด้วยเรื่องอัฟกานิสถาน สำนักข่าวท้องถิ่นฟาร์สนิวส์รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี(26)
ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะเป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ณ ที่ประชุมของสหประชาชาติในเมืองเฮก วันอังคารหน้า(31) อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า อิหร่าน จะส่งใครเป็นตัวแทน
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ทาบทามอิหร่านเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในวิดีโอวาระขึ้นปีใหม่ของอิหร่าน เรียกร้องให้ยุติความเป็นศัตรูกันที่ดำเนินมาหลายสิบปี พร้อมกับเสนอ "การเริ่มต้นใหม่" แห่งความสัมพันธ์ระหว่างกันที่มี "ความจริงใจ" และ "ความเคารพซึ่งกันและกัน"
อยาโตเลาะห์ อาลี คอเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ตอบกลับในวันเดียวกันนั้นว่าเขายังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของสหรัฐที่มีต่อเตหะราน แม้ว่าอเมริกาจะให้สัญญาถึงการเริ่มต้นใหม่ก็ตาม
คอเมนี ระบุต่อว่าการเปลี่ยนแแปลงแค่ทางคำพูดยังไม่เพียงพอและสหรัฐฯควรต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ปรารภไว้ นอกจากนี้เขายังให้สัญญาว่าอิหร่านจะเปลี่ยนแปลงนโยบายของตนเองหากสหรัฐฯทำแบบนั้นเช่นกัน
โอบามา ซึ่งเปลี่ยนแปลงนโยบายจากรัฐบาลอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช อย่างฉับพลัน เคยกล่าวว่า สหรัฐฯต้องการประสานความร่วมมือกับอิหร่านในหลากหลายประเด็นและการประชุมนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการยื่นมือทางการทูตไปยังเตหะราน
การประชุมครั้งนี้จะประกอบไปด้วยชาติเพื่อนบ้านของอัฟกานิสถาน รวมไปถึงปากีสถานและประเทศที่มีบทบาทสำคัญอื่นๆ
สหรัฐฯ และอิหร่าน มีความบาดหมางกันในหลายประเด็น ในจำนวนนั้นรวมไปถึงโปรแกรมนิวเคลียร์ของเตหะรานที่ทางวอชิงตันกล่าวหาว่ามีเป้าหมายพัฒนาระเบิดปรมาณู แต่ทางอิหร่านยืนยันว่ามันคือโครงการพลังงานไฟฟ้าเพื่อสันติ
อเมริกาตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับเตหะราน จากเหตุการณ์กลุ่มนักรบนักศึกษาของอิหร่านบุกเข้าจับนักการทูตมะกัน 52 คน ณ สถานทูตสหรัฐฯ เป็นตัวประกันนานถึง 444 วัน ระหว่างปี 1979-1981
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์และทูตต่างๆ คาดคะเนว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านอาจเริ่มต้นด้วยเรื่องอัฟกานิสถาน ประเทศที่สหรัฐฯพยายามเข้าระงับสงครามที่เสี่ยงต่อความสูญเสียและมีแผนส่งทหารเพิ่มเติมอีก 17,000 นาย ก่อนขยายไปสู่ประเด็นอื่นๆต่อไป
