เอเจนซี/เอเอฟพี - โจเซฟ ฟริตเซล ถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดี(19) ข้อหากักขังข่มขืนลูกสาวตนเองในห้องใต้ดินยาวนานถึง 24 ปี จนมีลูกด้วยกัน 7 คนและเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทารกเพศชายรายหนึ่งของพวกเขาเสียชีวิต
ฟริตเซล วัย 73 ปี สารภาพผิดในข้อหาร่วมประเวณี ข่มขืน ปฏิบัติต่อผู้อื่นเยี่ยงทาส บังคับขู่เข็ญและฆาตกรรมจากการละเลยไม่เอาใจใส่ต่อกรณีการเสียชีวิตของทารกแรกเกิดในห้องใต้ดิน โดยในเบื้องต้นของปฏิเสธข้อกล่าวหาฆาตกรรมและปฏิบัติต่อผู้อื่นเยี่ยงทาส แต่ก็ได้กลับคำรับสารภาพหลังได้ดูวิดีโอเทปคำให้การของลูกสาว อลิซาเบธ ที่มีความยาว 11 ชั่วโมงในศาลเมื่อวันอังคาร(17)
ทั้งนี้ฟริตเซล ถูกพบว่ามีความผิดในข้อหาฆาตกรรมทารกแรกเกิด ซึ่งเป็นข้อหาที่รุนแรงที่สุดเพราะว่าเขาไม่พยายามช่วยเหลือแม้ทราบดีว่าเด็กชายซึ่งเป็นลูกของเขาเองกำลังจะตาย
ศาลในเมืองเซนต์โปเอลเทน ออสเตรีย ระบุว่าฟริตเซล อาจต้องใช้เวลาช่วงที่เหลือของชีวิตถูกกักตัว ณ สถาบันจิตเวช หลังนักจิตวิทยาเตือนว่าฟริตเซล "เกิดมาเพื่อข่มขืน"
พวกเจ้าหน้าที่ศาลบอกว่า ฟริตเซิลจะต้องกลับไปยังเรือนจำเซนต์เปลเทนอีกระยะหนึ่ง เพื่อรอการส่งตัวไปยังสถาบันสำหรับผู้กระทำความผิดที่ป่วยด้วยโรคจิต ที่ซึ่งเขาจะได้รับการบำบัดรักษา
พวกเขาบอกว่าอาการของเขาจะถูกประเมินใหม่อีกครั้งภายใน 15 ปีและตามทฤษฎีถ้าเขาแสดงให้เห็นว่าได้รับการรักษาจนหายแล้ว ฟริตเซล ก็จะต้องใช้ช่วงเวลาชีวิตที่เหลืออยู่ในคุก
ก่อนคำพิพากษา ฟริตเซล วิศวกรรมเกษียณอายุ ได้แสดงความเสียใจครั้งสุดท้ายว่า "ผมเสียใจจากก้นบึ้งของหัวใจ โชคร้ายที่ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้วตอนนี้" อย่างไรก็ตามทางหัวหน้าอัยการเชื่อว่าการแสดงความรู้สึกดังกล่าวของฟริตเซล เป็นแค่สิ่งที่เขาพยายามหลอกลวงเท่านั้น
อลิซาเบธ ฟริตเซล ตอนนี้อายุ 42 ปี ไปปรากฎตัวที่ศาลเมื่อวันอังคาร(17) เพื่อดูปฏิกิริยาของบิดาต่อวิดีโอคำให้การเป็นพยาน 11 ชั่วโมงของเธอที่บันทึกไว้สำหรับพิจารณาคดี
ทนายความของอลิซาเบธ ก็แสดงความรังเกียจต่อการแสดงออกถึงความเสียใจของฟริตเซลเช่นกัน โดยบอกว่าอลิซาเบธ ต้องการให้พ่อของเธอ "ถูกจองจำจนกว่าชีวิตจะหาไม่"
อเดลเลด เคสท์เนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช บอกต่อศาลเมื่อวันพุธ(18) ยังคงเป็นบุคคลอันตราย และอาจกระทำผิดซ้ำ หากไม่ได้รับการรักษา ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เขาจะต้องได้รับการรักษาในสถานบำบัดทางจิต จนกว่าจะไม่เป็นภัยอีกต่อไป
เคสท์เนอร์ สรุปในรายงานหนา 130 หน้า ต่อศาลว่า ฟริตเซิล มีปัญหาส่วนตัวอย่างร้ายแรง แต่ต้องรับผิดชอบต่อการกักขัง ขืนใจ และทำร้ายนางเอลิซาเบธ ซึ่งเป็นบุตรสาว
"ตลอด 24 ปีที่ผ่านมาฟริตเซิลรับรู้ว่าตัวเองมีด้านอันชั่วร้ายซ่อนอยู่ในตัวเอง และเขารู้ตัวว่าตนเองเกิดมาเพื่อข่มขืน แต่ทันทีที่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ความชั่วร้ายทั้งหมดก็ระเบิดออกมา" เคสท์เนอร์ บอก พร้อมระบุเมื่อถามว่า เหตุใดเขาจึงเลือกให้เอลิซาเบธเป็นเหยื่อของเขาจากบุตรทั้งหมด 7 คน ฟริตเซิล ตอบว่า บุตรสาวคนนี้มีนิสัยเหมือนเขาที่สุด ทั้งดื้อรั้นและแข็งแกร่ง เขาเชื่อว่า ยิ่งคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเท่าไร ชัยชนะก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเท่านั้น
เมื่อปีที่แล้วหลังได้รับความเหลือออกมา เอลิซาเบธ บอกกับเจ้าหน้าที่สืบสวน ว่า เธอถูกพ่อของเธอข่มขืนเป็นประจำ จนเธอให้กำเนิดบุตร 7 คน เธอและลูกๆ ถูกกักขังในสภาพอันเลวร้าย โดยไม่มีโอกาสได้เห็นแสงสว่าง ส่วนลูกๆ ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนหนังสือ ทั้งนี้ ลูกของเธอคนหนึ่งที่เป็น 1 ในฝาแฝด เสียชีวิตหลังภายหลังคลอด และศพถูกนำไปเผา สำหรับลูกๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ 6 คนนั้น เป็นชาย 3 คน หญิง 3 คน อายุระหว่าง 5-20 ปี
ในเวลาต่อมา โจเซฟ ได้ทำเรื่องรับเด็กชาย 2 คน กับเด็กหญิง 1 คน เป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมาย โดยโจเซฟได้บอกโรสแมรี ภรรยาของเขา รวมทั้งแจ้งกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นว่าเอลิซาเบธ นำเด็ก 3 คนมาทิ้งไว้ที่หน้าประตูบ้าน ในแต่ละครั้งที่พบเด็กอยู่หน้าบ้านจะมีจดหมายลงชื่อของเอลิซาเบธแนบมาด้วย และบอกว่าเธอมีภาระต้องเลี้ยงดูลูกอีกหลายคนจึงไม่สามารถดูแลลูกคนที่นำมาทิ้งไว้ได้
เด็กทั้ง 3 คนดังกล่าวได้เข้าเรียนตามปกติ และดูเหมือนจะไม่รู้ว่าแม่และพี่น้องอีก 3 คน ซึ่งเป็นหญิงอายุ 19 ปี 1 คน และชายอายุ 18 ปี กับเด็กชายวัย 5 ขวบอีก 1 คน ถูกกักตัวอยู่ในห้องใต้ดิน
เรื่องนี้แดงออกมาหลังจากที่เคอร์สติน ลูกสาวคนโต ซึ่งมีอายุ 19 ปี ป่วยหนัก โจเซฟจึงพาเธอเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา และอ้างว่าเอลิซาเบธแอบนำเคอร์สตินมาไว้ที่หน้าประตูบ้านอีกเช่นเคย ทว่า แพทย์ได้พยายามขอให้ตามตัวมารดาของคนไข้มาเพื่อสอบถามข้อมูลย้อนหลังเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ในที่สุดโจเซฟจึงนำตัวเอลิซาเบธกับลูกอีก 2 คนออกมาจากห้องใต้ดิน และบอกโรสแมรีว่าลูกสาว "ที่หายสาบสูญไป" ตัดสินใจกลับบ้าน