เอเจนซี - ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนบวกเป็นวันที่สองติดต่อกันเมื่อวันพุธ(11) หลัง จี.พี.มอร์แกน เป็นธนาคารแห่งที่สองที่ประกาศมีกำไร ทว่าราคาน้ำมันกลับดิ่งลง 7 เปอร์เซ็นต์ จากสัญญาณเพิ่มเติมที่บ่งชี้ว่าอุปสงค์พลังงานโลกอ่อนแอและสต๊อกน้ำมันสูงขึ้นเรื่อยๆ
นายเจมมี ไดมอน ซีอีโอของ เจ.พี.มอร์แกน เปิดเผยว่าธนาคารของเขามีกำไรในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ซึ่งคำกล่าวนี้ส่งแรงหนุนไปยังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปิดตลาดปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกันเมื่อวันพุธ (11)
ความคิดเห็นของเขามีขึ้นตามหลังคำประกาศแบบเดียวกันจาก นายวิกรัม บัณฑิต ซีอีโอของซิตี้กรุ๊ป ที่กล่าวในวันอังคาร (10) ว่า ธนาคารแห่งนี้มีกำไรในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้และมีผลการดำเนินงานดีที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสสามของปี 2007 เป็นต้นมา ซึ่งส่งผลให้วอลล์สตรีทดีดตัวแรงที่สุดในรอบเกือบ 4 เดือน
ข่าวนี้ได้ทำให้หุ้นของ เจ.พี.มอร์แกน ปิดวันพุธ (11) เพิ่มขึ้น 4.6 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 20.40 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 3.91 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,930.40 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 1.76 จุด (0.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 721.36 จุด ขณะที่ แนสแดค ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 13.36 จุด (0.98 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,371.64 จุด
ข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯเผยคลังน้ำมันดิบสำรองของชาติผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดของโลกเพิ่มขึ้นถึง 700,000 บาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่อุปสงค์โดยรวมในช่วง 4 สัปดาห์หลังสุดลดลง 2.1 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม อุปสงค์น้ำมันเบนซินยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เหตุเพราะด้วยราคาที่ตกต่ำทำให้ประชาชนกลับมาขับขี่เพิ่มขึ้น ทำให้สต๊อกเบนซินลดลง 3 ล้านบาร์เรล ผิดกับน้ำมันกลั่นที่อุปสงค์ในช่วง 4 สัปดาห์หลังสุดลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันนี้เมื่อปีก่อน 6.1 เปอร์เซ็นต์
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 3.38 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนต์ของลอนดอน ร่วงลง 2.56 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
