เอเจนซี - ราคาน้ำมันขยับขึ้นมากกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ ปิดเหนือ 47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันจันทร์(9) จากเหตุกระทบกระทั่งทางราชนาวีระหว่างสหรัฐฯกับจีน สองชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก ที่เพิ่มความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่โอเปกจะลดกำลังผลิตอย่างรุนแรงอีกครั้ง ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนลบ โดยเฉพาะแนสแดก ที่ทรุดลงทำสถิติต่ำสุดรอบ 6 ปีครึ่ง จากความกังวลด้านอุตสาหกรรมยา
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าเรือ จีน 5 ลำ ในจำนวนนั้นเป็นเรือราชนาวี 1 ลำ ได้ราวีเรือลาดตระเวนซึ่งไม่ติดอาวุธลำหนึ่งของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในเขตน่านน้ำสากล ในทะลจีนใต้ เมื่อวันอาทิตย์(9)
“ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้น ผมคิดว่ามันมาจากปฏิกิริยาตอบสนองต่อข่าวเรือจีนรบกวนเรือราชนาวีสหรัฐฯในทะเลจีนใต้” ฟิล ฟีนน์ นักวิเคราะห์จากอลารอนเทรดดิ้งกล่าว
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.55 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนต์ของลอนดอน ร่วงลง 72 เซนต์ ปิดที่ 44.13 ดอลลาร์
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นยังได้แรงหนุนจากคำพูดของเลขาธิการโอเปก นายอับดุลลาห์ อัล-บาดรี ที่ระบุว่า 12 ชาติสมาชิกของกลุ่มอาจพิจารณาลดกำลังผลิตอีกครั้ง ณ การประชุมครั้งหน้ากลางเดือนนี้
“ทุกทางเลือกวางอยู่บนโต๊ะ” เขาบอกกับผู้สื่อข่าวในกาตาร์ เมื่อถูกถามว่า โอเปก ซึ่งสูบน้ำมันมากกว่า 1 ใน 3 ของโลก จะแถลงลดกำลังผลิตอีกครั้งหรือไม่
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังปิดตัวในแดบลบเมื่อวันจันทร์(9) โดยแนสแดก ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่งรอบใหม่ แม้ว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาบ้างในหุ้นกลุ่มธนาคารและสถาบัน จากข่าวที่แบงก์ ออฟ อเมริกา เตรียมจะประกาศเพิ่มทุน รวมถึงข่าวที่เมิร์ก และแชริ่ง สองบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ บรรลุข้อตกลงควบกิจการด้วยมูลค่า 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์ก็ตาม
ข้อตกลงระหว่างสองบริษัท มีออกมาในช่วงเวลาที่ไม่มั่งคงของอุตสาหกรรมเภสัชกรรม หลังจากล้มเหลวไม่สามารถผลิตยาใหม่ทดแทนยาเก่าได้เพียงพอและรัฐบาลสหรัฐฯของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เตรียมปฏิรูประบบประกันสุขภาพที่อาจก่อแรงกดดันต่อราคายา
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 79.89 จุด (1.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,547.05 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 6.85 จุด (1.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 676.53 จุด ขณะที่ แนสแดค ปิดตลาดลดลง 25.21 จุด (1.95 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,268.64 จุด
