เอเจนซี - 2 สัปดาห์หลังจากกล่าวหาซีไอเอ สมคบคิดต่อต้านโยบายพลังงานของเขา ประธานาธิบดีฝ่ายซ้าย อีโว โมราเลส แห่งโบลิเวีย ได้ขับเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯออกนอกประเทศเมื่อวันอังคาร(10)
“วันนี้ผมขอประกาศว่า ฟรานซิสโก มาร์ติเนซ...ผู้ทำงานให้กับสถานทูตสหรัฐฯ เป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนา” โมราเลส ประธานาธิบดี ผู้มักวิพากษ์สหรัฐฯ อย่างดุเดือด แถลงข่าวในกรุงลาปาซ
ประธานาธิบดีรายนี้บอกว่า เขาจำเป็นต้องเนรเทศมาร์ติเนซ “เพื่อยุติการสมคบคิดของต่างชาติ”
โมราเลส ซึ่งบ่อยครั้งที่มักเรียกสหรัฐฯ ว่า “จักรวรรดิ” ก่อนหน้านี้เคยขับทูตและเจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ ออกนอกประเทศมาแล้ว
โฆษกสถานทูตระบุว่า มาร์ติเนซเป็นเจ้าหน้าที่ระดับกลางของคณะกรรมาธิการด้านการทูตและมีตำแหน่งเป็นเลขานุการโท
เมื่อเดือนที่ผ่านมา โมราเลสกล่าวหาวอชิงตันวางแผนเล่นงานบริษัทพลังงานแห่งชาติวายพีเอฟบี คำกล่าวอ้างที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯปฏิเสธ
โมราเลส ได้เนรเทศทูตสหรัฐฯ ออกจากโบลิเวียเมื่อปีที่แล้ว โดยกล่าวหาว่าเขาสมคบคิด ปลุกปั่น ให้เกิดการแบ่งแยกดินแดนและส่งเสริมให้เกิดการแยกตัวของรัฐต่างๆ ในประเทศโบลิเวียที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมือง ข้อกล่าวหาที่สหรัฐฯ ตอบโต้ว่า “ไม่จริง” และ “เหลวไหล”
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา นายราฟาเอล คอร์เรีย ประธานาธิบดีเอกวาดอร์ ได้เนรเทศเจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐฯออกนอกประเทศ โดยกล่าวหาทูตรายดังกล่าวเป็นผู้อำนวยการซีไอเอในเอกวาดอร์
คอร์เรีย พันธมิตรใกล้ชิดกับ โมราเลส เช่นเดียวกับประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ แห่งเวเนซุเอลา ผู้ที่ขับเอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ออกนอกประเทศเมื่อปีที่ผ่านมา โดยผู้นำฝ่ายซ้ายทั้ง 3 คน อ้างว่าสหรัฐฯ เข้ามาแทรกแซงการเมืองภายในประเทศของพวกเขา