เอเอฟพี - เศรษฐกิจของสิงคโปร์ ซึ่งเข้าสู่ภาวะถดถอยอยู่แล้ว ได้หดตัวลงถึง 4.2% ในไตรมาสสี่ของปีที่แล้ว และทำให้ตลอดปี 2008 จีดีพีขยายตัวเพียง 1.1% ทั้งนี้ ตามรายงานของรัฐบาลสิงคโปร์เมื่อวานนี้ (26)
ตามรายงานที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ (เอ็มทีไอ) ยังคงอัตราการเติบโตในปี 2009 ไว้เช่นเดิม นั่นคือ จะหดตัวราว 2.0-5.0% แต่บรรดานายแบงก์และนักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชน เตือนว่า ไตรมาสแรกปี 2009 นี้ เศรษฐกิจสิงคโปร์อาจจะทรุดตัวสาหัสยิ่งขึ้นอีก และพากันปรับตัวเลขคาดการณ์ตลอดทั้งปีนี้ให้ต่ำลง เนื่องจากสภาพการณ์ที่มืดมนในทั่วโลก ยังคงตีกระหน่ำใส่สิงคโปร์ซึ่งต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นอย่างมาก
สำหรับตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เติบโตตลอดปี 2008 เท่ากับ 1.1% ที่เพิ่งประกาศออกมานี้ นับว่าขัดแย้งอย่างแรงกับอัตราการเติบโต 7.8% ของปี 2007 นอกจากนั้น ยังต่ำกว่าการทำนายกอนหน้านี้รัของฐบาลสิงคโปร์ ซึ่งให้ไว้ว่าน่าจะขยายประมาณ 1.2%
เอ็มทีไอ กล่าวว่า หากคิดโดยใช้ฐานของช่วงเวลาหนึ่งปี จีดีพีของสิงคโปร์ในไตรมาสสี่ก็หดตัวลง 16.4% ซึ่งก็ดีกว่าเล็กน้อยจากการคาดการณ์เดิมที่ว่าจะหดตัวลง 16.9%
แต่รายงานของเอ็มทีไอ ชี้ว่า “เศรษฐกิจจะยังคงอ่อนตัวลงต่อไปในช่วงไตรมาสแรกของปี 2009” และ “หลายภาคธุรกิจของสิงคโปร์ได้รับผลกระทบจากวิกฤตของโลกอย่างรุนแรง”
สำหรับช่วงไตรมาสสี่ปี 2008 อุตสาหกรรมการผลิตของประเทศร่วงลงถึง 10.7% และหากเทียบเป็นต่อปีจะเท่ากับ 21.3% ขณะที่ตลอดทั้งปีที่แล้ว ภาคอุตสาหกรรมการผลิตหดตัว 4.1% เปรียบเทียบกับปี 2007 ซึ่งขยายตัวในอัตรา 5.9%
ภาคอุตสาหกรรมการผลิตกำลังถูกกระหน่ำหนักเป็นพิเศษ จากความต้องการสินค้าในตลาดโลกที่เหือดหายไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในตลาดส่งออกหลักอย่างสหรัฐฯ ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตครั้งร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เมื่อทศวรรษที่ 1930
สิงคโปร์กลายเป็นประเทศแรกในเอเชียที่เศรษฐกิจดิ่งลงสู่ภาวะถดถอยอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนตุลาคม หลังจากเศรษฐกิจเติบโตในอัตราลบติดกันสองไตรมาส
และบรรดานักวิเคราะห์ก็กำลังแสดงความวิตก ว่า เศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะดิ่งลงอย่างแรงต่อไป
ธนาคารดีบีเอสของสิงคโปร์ ออกรายงานชี้ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศนั้น ดูมัวมนมากกว่าครั้งใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอุตสาหกรรมที่พึ่งพิงการส่งออก
นักเศรษฐศาสตร์จากโอเวอร์ซี ไชนีส แบงกิ้ง คอร์ป ได้ตัดลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจของปี 2009 มาเป็นหดตัว 4.8% และสำหรับไตรมาสแรก หากคำนวณเป็นรายปีก็น่าจะติดลบถึง 6.1%
ทางด้านนายกรัฐมนตรี ลีเซียนลุง ได้กล่าวก่อนหน้านี้ ว่า เศรษฐกิจอาจจะหดตัวมากกว่า 5%ตลอดทั้งปี 2009 หากว่าภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงดำดิ่งต่อไป
เศรษฐกิจของสิงคโปร์นั้นพึ่งพิงการค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งทำให้รัฐแห่งนี้อ่อนไหวมากต่อปัญหาเศรษฐกิจของพวกประเทศที่เป็นตลาดขนาดใหญ่
เมื่อปี 2001 สิงคโปร์ได้เคยประสบกับปัญหาเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่ประกาศเอกราชเมื่อปี 1965 มาแล้ว โดยอัตราการเติบโตติดลบไป 2.4% แต่คาดกันว่าปีนี้น่าจะสาหัสกว่าครั้งนั้นมากนัก