เอเอฟพี - เผยผลสำรวจล่าสุดของบริษัทบัตรเครดิตวีซ่า ระบุว่า พวกเศรษฐีในเอเชียมีนิสัยมัธยัสถ์ และออมเงินของตนไว้ถึงเกือบหนี่งในสี่ของเงินเดือนที่ได้ โดยชาวเกาหลีใต้ติดอันดับแชมป์ประหยัด
รายงานระบุว่า ชาวเอเชียที่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้สูงสุด มากกว่าสี่ในห้ารายยังคงยึดมั่นในคติเรื่องการประหยัดมัธยัสถ์ โดยจะกันเงินรายได้ราว 23 เปอร์เซ็นต์ ไว้เป็นเงินออมในแต่ละเดือน ทั้งนี้ ชาวเกาหลีใต้เป็นพวกที่เก็บออมเงินเดือนของตนสูงสุดถึง 31 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยจีนที่ 28 เปอร์เซ็นต์ และไต้หวัน 26 เปอร์เซ็นต์
“สิ่งที่เราพบ ก็คือว่า พวกที่มีรายได้สูงๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จะเก็บออมรายได้ของตนไว้ถึงราวหนึ่งในสี่ ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถนำไปลงทุนเพิ่มผลตอบแทนให้สูงขึ้น” เจมส์ ลิม ผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อเพื่อการบริโภคและหนี้สินของวีซ่าประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าว
การสำรวจคราวนี้จัดทำในช่วงเวลาสามสัปดาห์ระหว่างเดือนกันยายน ถึงตุลาคม 2008 โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้นกว่า 4,100 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้สูงจาก 8 ระบบเศรษฐกิจ คือ ออสเตรเลีย ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ จีน และ ไต้หวัน
วีซ่า ระบุว่า ผลสำรวจดังกล่าวยังสามารถใช้ได้ แม้ว่าจะเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินอยู่ในขณะนี้ โดยลิมบอกอีกว่า ผู้ตอบแบบสอบถามราวสองในสามบอกว่าจะลดการใช้จ่ายในบางรายการลงด้วยหากเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งก็สอดคล้องกับสามัญสำนึกของคนทั่วไป
รายงานระบุว่า ชาวเอเชียที่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้สูงสุด มากกว่าสี่ในห้ารายยังคงยึดมั่นในคติเรื่องการประหยัดมัธยัสถ์ โดยจะกันเงินรายได้ราว 23 เปอร์เซ็นต์ ไว้เป็นเงินออมในแต่ละเดือน ทั้งนี้ ชาวเกาหลีใต้เป็นพวกที่เก็บออมเงินเดือนของตนสูงสุดถึง 31 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยจีนที่ 28 เปอร์เซ็นต์ และไต้หวัน 26 เปอร์เซ็นต์
“สิ่งที่เราพบ ก็คือว่า พวกที่มีรายได้สูงๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จะเก็บออมรายได้ของตนไว้ถึงราวหนึ่งในสี่ ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถนำไปลงทุนเพิ่มผลตอบแทนให้สูงขึ้น” เจมส์ ลิม ผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อเพื่อการบริโภคและหนี้สินของวีซ่าประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าว
การสำรวจคราวนี้จัดทำในช่วงเวลาสามสัปดาห์ระหว่างเดือนกันยายน ถึงตุลาคม 2008 โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้นกว่า 4,100 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้สูงจาก 8 ระบบเศรษฐกิจ คือ ออสเตรเลีย ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ จีน และ ไต้หวัน
วีซ่า ระบุว่า ผลสำรวจดังกล่าวยังสามารถใช้ได้ แม้ว่าจะเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินอยู่ในขณะนี้ โดยลิมบอกอีกว่า ผู้ตอบแบบสอบถามราวสองในสามบอกว่าจะลดการใช้จ่ายในบางรายการลงด้วยหากเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งก็สอดคล้องกับสามัญสำนึกของคนทั่วไป