เอเอฟพี – เจ้าหน้าที่กองทัพเรือท้องถิ่นของอินโดนีเซีย เผย พบเรือไม้ที่มีชาวโรฮิงยา ชนกลุ่มน้อยผู้อพยพชาวพม่าเกือบ 200 คน ลอยลำอยู่บริเวณนอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา โดยได้รับแจ้งว่าคนเหล่านี้ถูกเจ้าหน้าที่ไทยทุบตี แล้วลากเรือออกทะเล และปล่อยให้ล่องลอยโดยไม่รู้ชะตากรรม
นาวาตรี เทดี สุตาร์ดีเผยว่า ผู้อพยพชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมของพม่าบอกกับหน่วยกู้ภัยของอินโดนีเซีย ว่า พวกเขาล่องลอยอยู่ในทะเลมาเป็นเวลา 3 สัปดาห์ หลังจากถูกทางการไทยปล่อยลงเรือกลับประเทศ โดยมีผู้เสียชีวิต 22 คนในระหว่างการเดินทาง
สุตาร์ดี กล่าวว่า ชาวประมงพบเรือไม้ ที่ไม่มีเครื่องยนต์ ลอยอยู่ในทะเล พร้อมกับผู้อพยพชาวพม่า 198 คน โดยพวกเขาระบุว่า ทางการไทยลากพวกเขากลับไปในทะเล และทำให้พวกเขาต้องล่องลอยไร้จุดหมาย
“พวกเขาลอยทะเลอยู่ประมาณ 21 วัน พวกเขาส่วนใหญ่มีอาการเข้าขั้นวิกฤต แต่ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐประจำท้องถิ่นในอาเจะห์ตะวันออกแล้ว” เขาเสริม
นอกจากนี้ ผู้อพยพซึ่งทั้งหมดเป็นชายจากรัฐอาราข่าน ทางตะวันตกของพม่า ยังเผยว่า พวกเขาถูกกองกำลังรักษาความมั่นคงของไทยปล่อยลอยทะเล ขณะที่พวกเขาพยายามหลบหนีการทารุณกรรมโดยรัฐบาลทหารที่ประเทศบ้านเกิด
ผู้อพยพกลุ่มนี้ ยังระบุว่า มีเรืออีก 9 ลำ ที่เผชิญชะตากรรม ถูกทางการไทยปล่อยลอยทะเลเช่นเดียวกันนี้ พร้อมกับโชว์ร่องรอยบาดแผลที่ถูกทุบตี ซึ่งพวกเขาระบุว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ชาวไทย โดยข้อกล่าวหานี้ตรงกันกับกลุ่มโรฮิงยา 174 คน ที่เข้าไปในฝั่งอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา
ผู้อพยพใช้ภาษาเบงกาลี และมาเลย์ เพียงเล็กน้อย เล่าว่า พวกเขาหนีออกจากประเทศบ้านเกิด เนื่องจากพวกเขาถูกบังคับให้อยู่ในแวดล้อมของศาสนาพุทธ โดยเจ้าหน้าที่พม่าจะสับนิ้วของพวกเขา หากพวกเขาพยายามจะสวดมนต์อ้อนวอนต่อพระเจ้า
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทหารพม่าได้ออกมาปฏิเสธสิทธิความเป็นพลเมืองของชาวโรฮิงยา ซึ่งนำไปสู่การเลือกปฏิบัติ และทารุณกรรม รวมถึงเป็นสาเหตุของวิกฤตความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในภูมิภาค เนื่องจากมีผู้อพยพหลบหนีออกจากประเทศทางเรือหลายร้อยคนในแต่ละปี
ทั้งนี้ มีการกล่าวหาว่า ชาวโรฮิงยาราว 1,000 คน ถูกกองกำลังรักษาความมั่นคงของไทยกระทำทารุณกรรม และทิ้งลงเรือกลับประเทศตลอดไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ทว่า จนถึงขณะนี้พบชาวโรฮิงยาเพียง 650 คน ในน่านน้ำของอินโดนีเซีย และอินเดีย ซึ่งคาดว่าจำนวนที่เหลือจะเสียชีวิตทั้งหมด
